ในช่วงวันสองวันนี้ หลายๆ คนคงจะเห็นข่าวคราวของคุณหมอหนุ่ม ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระลุกลาม และถ้าหากพูดถึง “โรคมะเร็ง”…ในใจของผู้คนจะเต็มไปด้วยความกลัวเพราะมะเร็งอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำอย่างไรให้เราทราบผลโดยเร็วที่สุด จนเป็นที่มาของคำว่า “มะเร็งแม่นยำ”..
ในวันนี้ “Healthy Clean” จึงขอพาทุกคนไปค้นหาที่มาของคำดังกล่าว ในงานประชุมวิชาการของบริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายใต้ชื่อ Roche Scientific Days โดยนายพิเชษฐพงษ์ ศรีสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า นับเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของโลกและประเทศไทย มีสถิติล่าสุดจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (International Agency for Research on Cancer: IARC) ในปี 2563 พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่มากกว่า 19 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นชาวเอเชียมากกว่า 9.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 49.3 ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ร้อยละ 5.5 เฉพาะชาวไทยพบผู้ป่วยใหม่จำนวน 190,636 ราย และพบการเสียชีวิตจากมะเร็งมากถึง 124,866 ราย มะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย 3 อันดับแรกได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ
มะเร็งแม่นยำ หรือ Precision Oncology ว่าด้วยเรื่องของการรักษามะเร็งแบบแม่นยำจำเพาะบุคคล โดยคำนึงถึงความหลากหลายของพันธุกรรมหรือยีน สิ่งแวดล้อม และวิถีการใช้ชีวิต ซึ่งโดยหลักการของการรักษาผู้ป่วยจะต้องเป็นไปตามแนวทางเวชปฏิบัติ แต่ในทางปฏิบัติแพทย์จำเป็นต้องปรับยา และการรักษาตามบริบทของผู้ป่วย ในบางรายอาจมีข้อจำกัดบางอย่าง หรือบางรายมีการตอบสนองต่อยาหรือการรักษาอย่างบางได้ดี ซึ่งในอดีตเราไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด
ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุไว้ว่า “มะเร็งมีความซับซ้อนในหลายมิติ แต่ปัจจุบันเรามีองค์ความรู้มากขึ้น เช่น จากการศึกษาพันธุกรรมจีโนม การถอดรหัสพันธุกรรมมะเร็ง ทำให้รู้ว่ามะเร็งแต่ละชนิดมีการกลายพันธุ์ไม่เหมือนกัน มีภูมิทัศน์จีโนม หรือ genome landscape แตกต่างกัน มะเร็งบางชนิดมีการกลายพันธุ์บางอย่างที่ตอบสนองต่อยาบางตัวได้ดี ทำให้แพทย์เข้าใจถึงที่มาที่ไปจึงสามารถให้การรักษาผู้ป่วยแบบจำเพาะเจาะจงแบบมีเหตุผลมีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งได้ผลมากดีขึ้น รวมทั้งสามารถทำซ้ำได้ จึงเรียกว่า มะเร็งแม่นยำ หรือ precision oncology โดยอาศัยข้อมูลทางแล็บ การสะสมองค์ความรู้ ส่งผลให้แพทย์มีความรู้และความเข้าใจมากขึ้น และที่สำคัญปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีความใช้จ่ายที่ถูกลง และใช้เวลาในการประมวลผลสั้นลง”
อาจารย์ ดร.ชินโชติ ธีรภัคภิญโญ นักวิจัยชำนาญการและหัวหน้าศูนย์จุฬายีนโปร คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “วงการแพทย์ และห้องปฏิบัติการมาถึงยุค Next Generation Sequencing หรือ NGS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจลำดับสารพันธุกรรมหรือยีนของมนุษย์ แต่เดิมเราตรวจสอบยีนได้ทีละตำแหน่ง ในขณะที่เทคโนโลยี NGS ช่วยให้เราสามารถตรวจยีนได้เป็นกลุ่มไปจนถึงยีนทั้งหมดในจีโนมของมนุษย์ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ปัจจุบัน NGS อาจไม่ได้เข้ามาแทนที่เทคโนโลยีดั้งเดิมทั้งหมด แต่จะเริ่มมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และให้ผลการตรวจวิเคราะห์ที่ช่วยให้แพทย์พยากรณ์และวินิจฉัยโรคมะเร็งได้อย่างแม่นยำขึ้น”
นายแพทย์ภาสกร วันชัยจิระบุญ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา และผู้ช่วยผู้อำนวยการ และรองประธานศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูงสาขามะเร็ง โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ได้ให้ความเห็นว่า “เทคโนโลยีสมัยก่อนต้องลุ้นเหมือนแทงหวย ยิ่งมะเร็งบางชนิดอย่างมะเร็งปอด เราได้ชิ้นเนื้อน้อย ถ้าส่งตรวจทีละตำแหน่งแล้วไม่เจอ ก็ต้องเริ่มใหม่คนไข้ก็ต้องเจ็บตัวอีกรอบ ไหนจะค่าใช้จ่าย แต่สมัยนี้ชิ้นเนื้อเดียวตรวจทีเดียวได้หมดเลย เจอสาเหตุได้มาก ไม่ตัดทางเลือกในการรักษาของคนไข้ เมื่อสามารถเข้าถึงแล็บได้ ก็จะทำให้เข้าถึงยาได้ โอกาสรักษาก็เพิ่มมากขึ้น”
ทุกวันนี้ก็ยังมีคำถามว่า มะเร็งเกิดจากอะไร สาเหตุส่วนหนึ่งเรายังไม่ทราบ แต่อีกส่วนหนึ่งเราทราบแล้วว่าเกิดจากมีกลายพันธุ์บางอย่าง เช่น ยีน Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) เป็นยีนที่พบการกลายพันธุ์มากที่สุด จึงอธิบายได้ว่า ทำไมผู้ป่วยบางคนทั้งชีวิตไม่เคยสูบบุหรี่ ไม่เจอ pm2.5 แต่เป็นมะเร็งปอด เมื่อเกิดการกลายพันธุ์จะเหมือนการเปิดสวิตช์ไฟ มะเร็งก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อแพทย์ทราบได้ว่ามีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งใด ก็จะสามารถให้ยาแบบ targeted medicine ซึ่งก็เหมือนเป็นการเข้าไปปิดไฟ ทำให้ก้อนมะเร็งยุบเร็ว ยุบนาน ยุบเยอะ ส่งผลให้อาการข้างเคียงหายไป ผู้ป่วยจึงมีสุขภาพดีขึ้น และคุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นด้วย
“เรามาถึงยุคที่สามารถตรวจยีนมะเร็งพร้อมกันเป็นชุด ในการตรวจเพียงครั้งเดียว ตอบโจทย์ความต้องการของแพทย์ผู้รักษา ที่ต้องการข้อมูลพันธุกรรมมะเร็งมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเลือกวิธีรักษาผู้ป่วยแต่ละราย ให้เหมาะสมและทันเวลา อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการตรวจยังมีข้อจำกัดอยู่ในบ้านเรา ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อยกระดับการบริการการตรวจให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทย” ศาสตราจารย์นายแพทย์ชนพ ช่วงโชติ ผู้อำนวยการศูนย์จุฬาลงยีนโปร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุป…
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”