“เดอะ ซัน” สื่อดังในประเทศอังกฤษ รายงานว่า “เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป” หรือ “เอฟเอสจี” กลุ่มทุนเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งนำโดย จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ตั้งราคาขายกิจการของ “หงส์แดง” ไว้ที่ 4,000 ล้านปอนด์ (ราว 171,264 ล้านบาท) หลังพวกเขาออกมาประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า พร้อมที่จะมองหากลุ่มทุนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของสโมสร

“เอฟเอสจี” เทคโอเวอร์ “หงส์แดง” มาไว้ในครอบครองด้วยราคา 300 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2010 และนำทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี เมื่อฤดูกาล 2019/20 รวมทั้งแชมป์ เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกรายการละ 1 สมัย

อย่างไรก็ตาม พวกเขามองว่า ถึงเวลาแล้วที่จะผ่องถ่ายหุ้นส่วนใหญ่ของสโมสรให้กับกลุ่มทุนใหม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสร โดย “เดอะ ซัน” ระบุว่า พวกเขาตั้งราคาไว้ที่ 4,000 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าเงินที่พวกเขาจ่ายไปตอนซื้อกิจการทีม เมื่อ 12 ปีก่อนถึง 1,200 เปอร์เซ็นต์ และมากกว่าจำนวนเงิน 2,500 ล้านปอนด์ ที่ ท็อดด์ โบห์ลี ซื้อกิจการ เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ด้าน “มาร์กา” สื่อดังในสเปน รายงานว่า “เอฟเอสจี” กลุ่มทุนเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล เตรียมเดินเครื่องเต็มคัวเพื่อคว้า จูด เบลลิงแฮม กองกลางดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษของ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี มาเสริมทัพให้ได้ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า เพื่อเป็นการของขวัญทิ้งทวนให้กับแฟนบอล “หงส์แดง” ก่อนผ่องถ่ายหุ้นให้กลุ่มทุนรายใหม่ต่อไป

รายงานระบุว่า “เอฟเอสจี” พร้อมล่าตัว เบลลิงแฮม มาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยพวกเขาเป็นเต็งจ๋าที่จะได้ตัวมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้ แม้ดาวเตะวัย 19 ปี จะได้รับความสนใจจาก รีล มาดริด รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ เชลซี อยู่ด้วยก็ตาม ขณะที่ “อีเอสพีเอ็น” สื่อกีฬาชื่อดังระดับโลก ระบุว่า ค่าตัวของกองกลางทีมชาติอังกฤษ ไม่ได้สูงถึง 130 ล้านปอนด์ อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยคาดว่า ค่าตัวของดาวเตะรายนี้น่า จะอยู่ที่ราว ๆ 87 ล้านปอนด์เท่านั้น