เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุ นายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา หรือ “เค ร้อยล้าน” บุกเข้าไปในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์สิริกิติ์ แล้วประกาศลั่นๆ ว่ามีระเบิด คนทำคนแตกตื่นไปทั้งงาน กลายเป็นว่า ต่อมาก็ปรากฏคลิปว่า นายคเณศพิศณุเทพ บุกเข้าไปล็อกคอนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่แจกลายเซ็นอยู่ที่บูธขายของพรรคก้าวไกล ตำรวจรวบตัวออกมาได้ก่อนที่จะมีสหบาทาประชาทัณฑ์ เพราะ เคร้อยล้านอะไรนี่ก็ “หลายเรื่อง” ใช่เล่นอยู่ ทั้งเอางูไปปล่อยกลางถนน หรือมีการป่วนกลุ่มเสรีนิยมบ่อยครั้ง

มีน้องคนหนึ่งอ่านข่าวเคร้อยล้านแล้วโกรธมาก เลยถามว่า “โกรธเพราะไปทำร้ายธนาธรหรือเปล่า? หรือโกรธเพราะทำตัวหิวแสง ไปสร้างเรื่องให้คนวุ่นวาย” น้องคนนี้บอกว่า “เพราะทำให้เขาใช้ชีวิตยากขึ้น” เนื่องจากเขามีอาการของโรคซึมเศร้า ซึ่งโรคซึมเศร้าจริงๆ นั้นอาการรุนแรงมาก อย่างที่เราได้ข่าวแร็พเปอร์ดัง Urboytj  มีอาการซึมเศร้า จนถึงขั้นทำร้ายตัวเองและคิดฆ่าตัวตาย ยังดีที่เขาส่งสัญญาณว่าเขาป่วย จนมีคนเป็นห่วงเกลี้ยกล่อมให้เข้าโรงพยาบาล

แล้วโรคซึมเศร้าเกี่ยวอะไรกับ เค ร้อยล้าน? คำตอบคือ “เพราะคนแบบนี้จะทำให้คนป่วยทางจิตจริงๆ ไม่ได้รับ empathy หรือความเห็นอกเห็นใจจากสังคม คิดว่าเป็นโรคประเภทวอนนาบี หรือเป็นข้ออ้างเวลาจะก่อเหตุความรุนแรงว่ามีอาการทางจิต นอกจาก เค ร้อยล้าน แล้วก็ยังมีกรณี ส.ต.ท.กรศศิร์ บัวแย้ม หรือนุช ที่ใช้กำลังทำร้ายร่างกายทหารหญิงที่ช่วยให้เข้ารับราชการ พอถึงเวลาจริงก็ไปหาใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการทางจิต ควบคุมตัวเองไม่ได้ หวังจะใช้ลดหย่อนผ่อนโทษ..หรืออย่าง เค ร้อยล้าน ก็ดูทำอะไรไปแนวๆ จิตเภท คือมีระบบคิดผิดเพี้ยน บางทีอ้างว่าหูแว่วได้รับคำสั่งจากสวรรค์ หรืออ้างคุมอารมณ์ไม่ได้แบบไบโพลาร์ (โรคอารมณ์สองขั้ว) เหล่านี้มาใช้เป็นข้ออ้างก่อเหตุรุนแรง ”

ซึ่งมันทำให้เกิดภาพความกลัวคนป่วยทางจิตแบบเหมารวม ว่าจะทำอะไรคาดไม่ถึงหรือไม่ อย่างน้องคนที่คุยด้วย เขาก็ยอมรับว่าเขาเป็นซึมเศร้าและกินยาอยู่ ปรากฏว่าไปคุยกับคนที่ไม่เข้าใจว่า “ซึมเศร้าเป็นโรค” รายนั้นเบ้ปากบอกว่า “เธอมีโอกาสจะทำร้ายชั้นได้ไหมเนี่ย”…ปฏิกิริยาจากคนรอบข้างเช่นนี้จะทำให้คนป่วยจริงๆ ไม่กล้าไปหาหมอ เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่าสร้างปัญหาหรือทำอะไรไม่คาดฝัน …เวลามีข่าวฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้าที่ ก็อ้าง “ถอดบทเรียน” กันที แต่ที่สุดแล้วก็มีพวกบ้าป่วนประสาทมาทำให้คนไม่เข้าใจผู้ป่วยทางจิตเรื่อยๆ   

ส่วนความเห็นเกี่ยวกับ เค ร้อยล้านนั้น ก็มีบางคนว่า ควรประกาศเป็นบุคคลอันตราย หรือเข้ารับการบำบัดในสถานที่ปิดจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ออกมาคลั่งอีก ที่สำคัญ ถ้าอ้างว่า การแสดงปฏิกิริยาและจุดยืนทางการเมืองเช่นนี้ เป็นไปเพื่อปกป้องสถาบันฯ ฝ่ายความมั่นคงก็ควรต้องออกมาทำงานกันได้แล้วว่า “อย่าให้คนประเภทนี้ใช้ข้ออ้างสถาบันฯ มาสร้างความปั่นป่วน” เพราะยิ่งทำให้สถาบันฯ บอบช้ำมากขึ้น …ง่ายๆ การอ้างความรุนแรงว่าเพื่อแสดงการปกป้องสถาบันฯ ควรจะเพิ่มโทษไปด้วยว่าเป็นการดึงสถาบันฯ มาทำให้มัวหมอง

เค ร้อยล้าน อ่วม สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯแจ้งความเอาผิดทั้งแพ่ง-อาญา  เหตุป่วนมหกรรมหนังสือ

เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเริ่มก่อน อย่าทำปากว่าตาขยิบว่า ถ้าเป็น ขั้วที่อ้างเข้าข้างรัฐบาล อ้างรักสถาบัน แล้วจะให้ลอยนวลง่ายๆ ...ทีกับกรณีเยาวชนบางคนที่ถูกยัดข้อหา ม.112 ก็โดนฝากขังตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวน (พงส.) กรณีที่ไม่รู้ผีบ้าเข้าสิงออกมาก่อความรุนแรงเมื่อไรนี่ต้องฝากขังไว้ก่อนบ้าง.. ใครจะรู้ว่าความรุนแรงที่ก่อต่อไปจะเพิ่มขึ้นในระดับไหนอีก คราวนี้อาจแอบซ่อนอาวุธเข้ามาทำร้ายใครก็ได้ …ยิ่งในภาวะที่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งทางการเมือง และกำลังจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่นักการเมืองลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน ใครจะรู้ว่ามีคนแฝงเข้าไปอยู่ในหมู่กองเชียร์ หรืออ้างทำทีเป็นสื่อมวลชน เข้าไปลอบทำร้ายเอาก็ได้

เรื่องการบุกเข้าประชิดนักการเมืองแล้วใช้ความรุนแรงมีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่คราวที่ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา โดนปาอุจจาระระหว่างแถลงข่าว หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ถูก 3 ป้าแฟนคลับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกเข้าไปด่าระยะประชิดตัวระหว่างกินข้าวแถวสีลม ..แล้วใครจะรู้ว่า ถ้าเกิดพฤติกรรมความรุนแรงออกสื่อบ่อยขึ้นจะเกิดการเลียนแบบแค่ไหน ต่อไปเวลาลงหาเสียง อาจมีคนเตะก้านคอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ดักตบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เอาก็ได้ …ตรงนี้ก็ต้องฝากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองคิด ฝากให้จิตแพทย์คิด ว่า “ทำอย่างไรจะไม่เกิดการเลียนแบบการใช้กำลังกับคนดัง หรือคนที่ความคิดเห็นทางการเมืองอยู่ขั้วตรงข้าม”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เกิดกรณี นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล เจ้าของช่องยูทูบ “ศักดินาแดง” โชว์ลีลาแม่ไม้มวยไทยใส่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่กำลังไปร้องเรียน บก.ปอท. เรื่องโชว์เดี่ยว 13 ของ โน้ส-อุดม แต้พานิช หาว่ามีการบิดเบือนใส่ร้ายรัฐบาล …ใส่เดี่ยวกับนายศรีสุวรรณทำนองว่าหมั่นไส้นัก มีอะไรก็ร้องๆ ซึ่งจริงๆ เราไม่ควรนิยมความรุนแรง แต่เห็นบางคนบอก “เข้าใจว่าไม่ควรนิยมความรุนแรง แต่ขอสะใจแป๊บนึง”

ลุงศักดิ์" ยิ้ม! หลังออกรายการดัง จะมอบตัวคดีต่อยเตะ "ศรีสุวรรณ"

เพราะ นายศรีสุวรรณนี่ร้องอะไรเยอะเหลือเกิน มันกลายเป็นทำนอง “คดีรกตีนโรงตีนศาล” คือคดีที่นายศรีสุวรรณร้องในส่วนที่เป็นโทษกับรัฐบาลก็น่าจะมีอยู่ แต่ในส่วนที่เป็นโทษกับขั้วตรงข้ามรัฐบาลจะอยู่ในความรับรู้ของประชาชนมากกว่า ยิ่งมาร้องให้ตรวจสอบรายการตลก…บางคนคงสุดจะทนว่า “จะอ่อนไหวไปถึงไหน?” ประชาชนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถ้าเขาได้รับผลกระทบจากนโยบาย มันเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาธิปไตย สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการทำผลงานให้ได้กระแสดีๆ สร้างภาพลักษณ์ดีๆ ก็จะได้รับการยอมรับเอง เช่นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร บริหารจนกระทั่งตอนเลือกตั้งสมัยทักษิณ 2 กวาด ส.ส. ได้ถึง 377 ที่นั่ง แบบไม่ต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล

“นักร้อง” อีกคนที่เป็นที่จับตาต่อจากนายศรีสุวรรณ คือ นายสนธิญา สวัสดี ซึ่งมักจะไปร้องคนโน้นคนนี้หมิ่นรัฐบาล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหวังให้เขาส่งลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ …แต่สิ่งที่น่าคิดจากกรณีนักร้อง เพื่อทำลายขั้วตรงข้ามทางการเมืองของตัวเอง คือ “ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง” ที่สังคมมีความไม่เท่าเทียมกัน มีการทำ “นิติสงคราม”  คือแล้วแต่จะขุด หาเรื่องมาจับแพะชนแกะให้อีกฝ่ายผิดกฎหมายให้ได้ แล้วก็ร้องดะไปหมด ซึ่งการต้องไปสู้คดีแก้ต่างหลายครั้งก็ไม่ได้สนุกนัก อะไรเป็นความผิดลหุโทษเปรียบเทียบปรับได้ ก็ทำให้ผู้ถูกร้องเสียเงิน เสียเวลามาเสียค่าปรับโดยใช่เรื่อง บางคดีก็อาจไปถึงศาล …ที่เรียกว่า “นิติสงคราม” คือพยายามงัดกฎหมายมาจัดการคนเห็นต่างกับรัฐบาล ซึ่งคนไทยมีพังเพยว่า “เป็นความกินขี้หมาดีกว่า” คือไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งยากเรื่องมีคดีติดตัว

พปชร.ปฏิเสธส่ง "สนธิญา สวัสดี" ร้องเอาผิดดารา ศิลปิน Call out

พอคนพวกนี้เคลื่อนไหวมากๆ เข้า (บางคนเรียกเหิมเกริม) ก็เลยเกิดการทนไม่ได้ มีคนใช้ความรุนแรงด้วย…ซึ่งโดยหลักการ ความรุนแรงเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ แต่ปัญหาเบื้องต้นของความรุนแรงมาจากการไม่ได้รับความยุติธรรมเพียงพอ อาทิ คดีลักษณะเดียวกัน ฝ่ายหนึ่งมีคนช่วย คนประวิงเวลา ผ่อนหนักเป็นเบา ขณะที่อีกฝ่ายมุ่งเข่นฆ่าให้อาสัญให้ได้ ที่น่ากลัวคือพยายามใช้การตีความกฎหมายให้เป็นคุณกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวก็มีโทษ...มันก็สะสมจนระเบิดกลายเป็นความรุนแรงแบบผู้ถูกกดขี่ลุกขึ้นสู้เท่าที่จะทำได้ ...อารมณ์เหมือนหน้ามืด นาทีนี้ขอทำอะไรที่จะได้ตอบโต้แรงๆ เพื่อความสะใจก็ได้

เราจึงเห็นว่า การแก้ไขปัญหาความรุนแรงข้อหนึ่งคือ “ความยุติธรรม” และฝั่งผู้ป่วยทางจิตก็ฝากขอมาด้วยว่า “เลิกเอาเรื่องป่วยทางจิตมาอ้าง” เพราะทำให้เขาอยู่ลำบาก

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”