แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชีวิตรอดกลับออกมาจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อย่างเหลือเชื่อเลยนะครับ ซึ่งก็ต้องขอบคุณลูกโหม่งตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+4 ของ คาเซมิโร ห้องเครื่องเลือดแซมบ้า หรือ ที่แฟนผีบ้านเราตั้งชื่อให้อย่างไพเราะเพราะพริ้งว่า คุณเกษมวิโรจน์ ที่ช่วยให้ เรด เดวิลส์ ยังมีแต้มติดมือกลับบ้าน

            แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมได้อย่างยอดเยี่ยม และไล่กด เชลซี อยู่ข้างเดียวอยู่ร่วม 25 นาที ก่อนที่อาการของเจ้าถิ่นจะกระเตื้องขึ้น หลัง แกรม พ็อตเตอร์ โชว์กึ๋นด้วยการส่ง มาเตโอ โควาซิช ลงมาเล่นแทน มาร์ก กูกูเรยา ตั้งแต่นาทีที่ 36 พร้อมปรับหมากจาก 3-4-3 ไปเป็น 4-3-3 หลังเห็นว่า แดนกลางของพวกเขามีผู้เล่นน้อยกว่ากลางของ อสูรแดง จนทำให้โดนขย่มจนโงหัวไม่ขึ้น

            ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้ง แต่ที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งคือจังหวะที่ บรูโน แฟร์นันด์ส แทงทะลุช่องให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตู แต่ ดร.มาร์คัส กลับยิงไม่ดีพอจนถูก เกปา อาร์ริซาบาลากา เซฟเอาไว้ได้

            รวมทั้งจังหวะที่ แฟร์นันด์ส จ่ายให้ อันโตนี หลุดเข้าไปยิงด้วยอีขวาปลิ้นออกข้างเสาในช่วงปลายครึ่งแรกนั่นด้วย

            หลังจบเกม เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ผลเสมอจะถือว่ายุติธรรมดีแล้ว แต่ทุกอย่างน่าจะต่างไปจากนี้หากลูกทีมของเขาเปลี่ยนทั้ง 2 โอกาสที่ว่าไว้ให้เป็นประตูได้

            สำหรับในแง่มุมดี ๆ ต้องยอมรับว่า มาตรฐานการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกยกระดับขึ้นมามากทีเดียวใน 2 เกมหลังสุดที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 และบุกเจ๊า เชลซี 1-1

            การรับส่งบอลที่เคยเป็นปัญหาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะถูก เทน ฮาก ปรับจูนจนเริ่มดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา รวมไปถึงเกมรับที่เหนียวแน่นขึ้นมาก ซึ่งแน่นอนว่า การได้ ลิซานโดร มาร์ตีเนซ และ คาเซมิโร เข้ามาเสริมทีมมีส่วนช่วยอย่างมาก

            แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการเข้ามาปรับทัศนคติให้นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด คิดใหม่ทำใหม่ และตั้งอกตั้งใจช่วยกันเล่นเกมรับมากขึ้น โดยเห็นได้จากการที่นักเตะในแดนหน้าวิ่งไล่เพรสในแดนบนอย่างบ้าคลั่งจนสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของแผงแบ๊กโฟร์ได้เยอะทีเดียว

            ส่วนในแง่มุมที่ยังต้องปรับก็คือการสร้างสรรค์โอกาสทำประตูที่นักเตะอย่าง เจดอน ซานโช หรือ อันโตนี รวมทั้งฟูลแบ๊กทั้ง 2 ข้างไม่ว่าจะเป็น ลุค ชอว์ หรือ ดีโอโก ดาโลต์ ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีในระดับที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะ ซานโช ที่ต้องยอมรับว่า ยังโชว์ฟอร์มได้ห่างไกลกับสมัยที่ยังสวมเสื้อ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ แบบคนละจักรวาล

            นอกจากนี้กองหน้าอย่าง แรชฟอร์ด เอง ก็ยังไม่สามารถพึ่งพาอาศัยอะไรได้มากนักเพราะใช้โอกาสได้สิ้นเปลืองเหลือเกิน แม้ว่าช่วงหลังจะดูปราดเปรียว และเล่นได้วูบวาบมากขึ้นก็ตาม

            จากความฝืดของ แรชฟอร์ด และจากการที่ อองโตนี มาร์กซิยาล ใช้เวลาอยู่บนเตียงพยาบาลมากกว่าในสนามทำให้ เทน ฮาก ยังน่าจะจำเป็นต้องเก็บ คริสเตียโน โรนัลโด เอาไว้กับทีมต่อไปจนหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์หน้า ถึงแม้เจ้าตัวจะแสดงพฤติกรรมเปรี้ยวใจอยู่บ่อยครั้ง เพราะดูแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะไม่มีงบประมาณให้เขานำไปซื้อกองหน้าตัวใหม่เข้ามาร่วมทีมในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวแน่นอน หรือ ต่อให้มีงบให้ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่ ผีแดง จะหาดาวยิงที่ถูกสเปกได้ในช่วงปีใหม่เพราะไม่ว่า ทีมไหนก็ไม่อยากจะเสียนักเตะตัวหลักของตัวเองไประหว่างฤดูกาลด้วยกันทั้งนั้น

ขณะที่ความผิดพลาดส่วนบุคคลก็ยังเป็นเรื่องที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องพยายามลดลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะความผิดพลาดที่เกิดจากความเลินเล่อแบบที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก่อขึ้นด้วยการเข้าไปทำฟาวล์ อาร์มันโด โบรยา แบบไม่มีเชิงจนทำให้ทีมเสียจุดโทษ เสียประตู และหวุดหวิดจวนเจียนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยซ้ำ

            ส่วนอีกเรื่องที่ถือว่า เป็นข่าวร้ายสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริงก็คือการได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาของ ราฟาแอล วาราน ที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก รีล มาดริด

จริงอยู่อาการของ กองหลังวัย 29 ปี อาจจะไม่ได้หนักหนาสาหัสเหมือนที่หวั่นใจกันในตอนแรก แต่เจ้าตัวก็ยังต้องพักนานถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งหมายความว่า กว่าจะได้กลับมาลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้งก็ต้องรอหลังจบฟุตบอลโลก 2022 นู่นเลย

            งานนี้ใครเป็นกองเชียร์เรด อาร์มี ก็คงต้องตามลุ้นกันด้วยใจระทึกต่อไปล่ะครับว่า ในช่วงที่ วาราน ไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวจะต้องลงฟาดแข้งถึง 6 นัดทั้งในพรีเมียร์ลีก และในยูโรป้า ลีก นั้น วิคตอร์ ลินเดเลิฟ หรือ แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่น่าจะได้สลับลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ มาร์ตีเนซ แทนจะทำให้เกมรับของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น หรือ อ่อนลงอย่างไร ซึ่งจากที่เคยติดตามฟอร์มของทั้งคู่มาเชื่อเหลือเกินว่า เด็กผีทุกคนน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแน่นอน 5555+.

แท ยอน