เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อุปนายกสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย, ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, “บัวขาว บัญชาเมฆ” ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ กรรมการสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ ร่วมกันแถลงข่าวการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งชิงแชมป์ประเทศไทย “Thailand Kickboxing Championship 2022” ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท. หัวหมาก

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า คิกบ็อกซิ่ง เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก นอกจากการได้ออกกำลังกายแล้วยังพัฒนาไปสู่กีฬาเป็นเลิศได้ด้วย ปัจจุบันมีนักคิกบ็อกซิ่งหลายคนที่ไปติดทีมชาติ สร้างผลงานในระดับนานาชาติได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ไทย คว้ามา 2 ทอง 4 เงิน 6 ทองแดง กกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้สนับสนุนให้มีการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อเฟ้นหานักกีฬาทีมชาติไทย ไปลุยศึกซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เวิลด์คอมแบทเกมส์ ในปีหน้า รวมถึงกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปีหน้าด้วย

ขณะที่ พล.อ.กู้เกียรติ กล่าวว่า ศึกคิกบ็อกซิ่งชิงแชมป์ประเทศไทย จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น จากการที่คิกบ็อกซิ่ง ประสบความสำเร็จในซีเกมส์ก็ได้รับการสนับสนุนที่ดีมาอย่างต่อเนื่องและเพื่อการผลักดันให้มาตรฐานสูงขึ้นอีก จึงจัดรายการนี้ขึ้นมาต่อยอดไปสู่อนาคต

ทางด้าน ดร.สุปราณี คุปตาสา กล่าวว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เล็งเห็นถึงศักยภาพของกีฬาประเภทนี้จึงให้การสนับสนุนการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย และหวังว่ากีฬาคิกบ็อกซิ่งในประเทศไทยจะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเพื่อทัดเทียมกับนานาชาติต่อไป

ส่วน บัวขาว บัญชาเมฆ กล่าวว่า จากความสำเร็จในซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ต้องการที่จะต่อยอดความสำเร็จของคิกบ็อกซิ่ง ให้ไปได้ไกลกว่านี้ แม้จะดูว่าเป็นเหมือนมวย แต่คิกบ็อกซิ่ง มีกติการที่แตกต่างไป นักกีฬาจะต้องมาเรียนรู้ให้ละเอียดมากขึ้น การแข่งขันครั้งนี้จะหาดาวรุ่งมาเสริมทีมชาติ เพื่อสร้างให้เติบโตไปประสบความสำเร็จให้มากขึ้น ตนมองไกลไปถึงการเป็นแชมป์โอลิมปิกเกมส์ ถ้ามีการบรรจุกีฬาคิกบ็อกซิ่ง ขึ้นในอนาคต

สำหรับศึกคิกบ็อกซิ่งชิงแชมป์ประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 13-15 ปี, รุ่นประชาชนอายุ 16-18 ปี และรุ่นประชาชนอายุ 19-40 ปี โดยผู้ที่สนใจ สอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ https://web.facebook.com/KickBoxingThaiOfficial