สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ว่านายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก ว่ารัฐบาลผสมภายใต้การนำของตัวเอง "ไม่มีเสียงสนับสนุนเพียงพอ" และไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ "หากขาดความสนับสนุนและความร่วมมือจากทุกฝ่าย" 
ผู้นำมาเลเซียกล่าวต่อไปว่า เขาทราบดีเกี่ยวกับกระแสเรียกร้องและความต้องการให้เขาลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ยังไม่มีพรรคการเมืองพรรคใด หรือพันธมิตรพรรคการเมืองกลุ่มใด สามารถแสดงหลักฐานได้ว่า มีเสียงสนับสนุนมากเพียงพอที่จะเป็นรัฐบาลแทนเขาได้ การลาออกท่ามกลางช่วงเวลาเช่นนี้มีแต่จะยิ่งทำให้บ้านเมืองวุ่นวายและขาดเสถียรภาพ ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
CNA
ขณะเดียวกัน มูห์ยิดดินกล่าวถึง "การบรรลุฉันทามติร่วมกับพรรคการเมืองนอกรัฐบาล" เพื่อช่วยให้รัฐบาลชุดปัจจุบันสามารถผ่านการอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้า และบริหารประเทศได้อย่างราบรื่น จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ตามกำหนดการ คือภายในเดือน ก.ค. ปีหน้า โดยเงื่อนไขที่มีการตกลงกัน รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การลดอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จาก 21 ปี ลงมาอยู่ที่ 18 ปี และการเสนอตำแหน่ง "รัฐมนตรีอาวุโส" ให้กับสมาชิกระดับแกนนำของฝ่ายค้าน 
นอกจากนี้ ผู้นำมาเลเซียให้คำมั่นเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของหน่วยงานทุกภาคส่วน ในการต่อสู้กับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 และการเพิ่มการมอบความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรง ให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย 
ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองภายในของมาเลเซียสั่นคลอนมาตลอด นับตั้งแต่มูห์ยิดดินรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือน มี.ค.ปีที่แล้ว แทน ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด "สร้างเซอร์ไพร้ส์" ซึ่งให้กับทุกฝ่าย ด้วยการลาออกจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาล เมื่อปลายเดือน ก.พ.ปีเดียวกัน แม้รัฐบาลได้พรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ ( อัมโน ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดมาเข้าร่วม แต่รัฐบาลของมูห์ยิดดินซึ่งอยู่ในวาระต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ยังคง "มีเสียงปริ่มน้ำ" มากกว่าฝ่ายค้านเพียงเสียงเดียว และเสถียรภาพภายในรัฐบาลระส่ำระสายมากขึ้นไปอีก เมื่อพรรคอัมโนประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว "ยุติสนับสนุนรัฐบาล".

เครดิตภาพ : AP