วันก่อนเห็นข้อมูลดัชนีความมั่นคงด้านอาหารโลก (The Global Food Security Index) ปี 2022 จัดทำโดย Economist Impact โดยมีการยึดหลักการประเมินจาก 4 ปัจจัยได้แก่
- ความสามารถในการซื้ออาหาร
- ความมีอยู่อย่างสมบูรณ์ของอาหาร
- คุณภาพและความปลอดภัยและ
- ความยั่งยืนและการปรับตัว
ดัชนีความมั่นคงทางอาหารโลกปี 2022 ปรากฏว่าประเทศฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เป็น 5 ประเทศแรกที่มีความมั่นคงทางอาหารสูงสุด จากทั้งหมด 113 ประเทศที่ทำการสำรวจ ส่วนประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 13 จีนอันดับที่ 25 และรัสเซียอันดับที่ 43
ในขณะที่ 5 อันดับท้ายตาราง ที่มีความมั่นคงทางอาหารต่ำสุด คือ ซีเรีย เฮติ เยเมน เซียร์ราลีโอน และมาดากัสการ์
ส่วนประเทศไทย “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในอ่าวไทยมีก๊าซธรรมชาติ” อันดับความมั่นคงทางอาหาร หล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 64 จากปีที่แล้วอยู่ในอันดับที่ 51
สรุป 8 ปีในการบริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่องของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี “ตัวเลข” อะไรดีขึ้นมาบ้าง? เพราะต้นปีที่ผ่านมา “ดัชนีการทุจริตคอร์รัปชั่น” ของประเทศหล่นตุ้บ! ลงไปหลายอันดับจากช่วงก่อนรัฐประหารปี 57 นี่ขนาดคณะรัฐประหารแต่งตั้งคนกันเองเข้ามาเป็น “กรรมการ ป.ป.ช.” แล้วนะ!
ส่วนอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ย 1% กว่า ๆ รั้งท้ายของในอาเซียน ประเภทที่ว่าหายใจรดต้นคอกับประเทศเมียนมา
สัปดาห์ที่แล้วเวียดนามโชว์จีดีพีไตรมาส 3/65 โตกว่า 13% จีดีพีของมาเลเซียไตรมาส 3/65 โตกว่า 8% และมาเลเซียขยับขึ้นแท่นเป็น “ประเทศรายได้สูง” อย่างไม่เป็นทางการแล้ว หลังจากรายได้ประชาชาติต่อหัวเฉียด ๆ 5 แสนบาท
ขณะที่ตัวเลข “คนจน” ในประเทศไทยจาก 13-14 ล้านคน ช่วงก่อนโควิด-19 แต่ปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 20 ล้านคน ส่วนหนี้สาธารณะพุ่งกระฉูด 10 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สร้างหนี้ไว้มากกว่า 6 รัฐบาลรวมกันเสียอีก (รัฐบาลยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์-สมชาย-สมัคร-สุรยุทธ์-ทักษิณ) รวมทั้งหนี้ครัวเรือนแตะ 15 ล้านล้านบาท เฉลี่ยครัวเรือนละ 5 แสนกว่าบาท
ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่แบกภาระค่าใช้จ่ายรอบตัวพุ่งสูงมาก ไม่ว่าจะอาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง แต่เพิ่งได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นอีกแค่ 8-22 บาท/วัน น้ำตาแทบไหลกันเลยทีเดียว
ดังนั้นวันที่ 1 พ.ย.นี้ สภาเปิด และมีการเคลียร์กฎหมายลูก 2 ฉบับประกอบการเลือกตั้งเสร็จแล้ว ยาวไปถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “เอเปค” วันที่ 18-19 พ.ย.65 เมื่อจบจาก “เอเปค” พล.อ.ประยุทธ์ควรรีบ “ยุบสภา” คืนอำนาจให้ประชาชน! อย่าเชื่อกองเชียร์ อย่าไปฟังสตาฟฟ์ในทำเนียบที่ดันหลังให้อยู่ต่อ ก่อนที่ประเทศจะพังไปมากกว่านี้
เนื่องจากมีวิกฤติเศรษฐกิจโลกรออยู่ข้างหน้า ซึ่งต้องใช้ “ผู้นำ” มืออาชีพ รวมทั้งความเชื่อถือเชื่อมั่นที่สังคมโลกมองประเทศไทย (เครดิตประเทศ) อยู่ 2 เรื่อง 1.รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยจริง 2.ปัญหาทางการเมือง(ตัวผู้นำ)
พล.อ.ประยุทธ์ถามตัวเองเถอะ! อยู่ไปเพื่ออะไร?.
——————————
พยัคฆ์น้อย
