นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์  ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย   บริษัท ช๊อปไลน์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการระบบจัดร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นผู้บริโภคคนไทยก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ และทำให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยในปี 64 จะเติบโต 15-20%  ซึ่งเทรนด์ที่มาแรงคือ โซเซียล คอมเมิร์ซ (Social commerce)  ที่คนไทยนิยมซื้อสินค้า ผ่านโซเซียลมากขึ้น แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก  58% รองลงมาเป็น ไลน์ 35%  อินสตาแกรม 21% และ ทวิตเตอร์ 11% ซึ่งลูกค้าประมาณ 69% จะเลือกซื้อสินค้าผ่าน เฟซบุ๊กจากเพจต่าง ๆ มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-3,000 บาท และใช้เวลาผ่านโซเชียล คอมเมิร์ซ ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน โดยกลุ่มผู้หญิงจะซื้อสินค้า ความงาม และสุขภาพ กลุ่มผู้ชายจะสนใจสินค้าแกดเจ็ท และของตกแต่งบ้าน

นอกจากนี้ในส่วนของ การไลฟ์ขายสินค้า หรือ ไลฟ์ คอมเมิร์ซ( Live commerce) ในประเทศไทยก็ได้รับ ความนิยม มีอัตรการเติบโตสูง ถึง 300% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียเติบโต 160% ซึ่งการไลฟ์ ได้ช่วสร้างยอดขายได้ เพิ่มขึ้นถึง 300%  ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะกับการไลฟ์และขายสินค้าได้มาก คือ ในวันจันทร์ ช่วงเวลา 20.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเลิกงานและวันเสาร์ อาทิตย์ คนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับกิจกรรมอื่นๆ เมื่อถึงวันจันทร์จึงมีการเข้ามาซื้อสินค้าออนไลน์ จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะทำแคมเปญส่งเสริมการขาย

นายชนนันท์ กล่าวต่อว่า  จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทาง ช๊อปไลน์ มีฐานลูกค้าเข้ามาใช้บริการโซลูชั่นต่างๆ เติบโต 10-15%  สำหรับในครึ่งปีหลังก็มีแผนรุกตลาด นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ พร้อมเสริมองค์ความรู้ทางธุรกิจใหม่ ๆ  ให้กับผู้ประกอบการไทย ขยายธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง อาทิ  ไลฟ์ บิดดิ้ง เป็นฟีเจอร์การประมูลแบบ ไลฟ์ ที่ และ Golden Minutes หรือ นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมเล่นเกมกับลูกค้า เพื่อแจกของกำนัล ฯลฯ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีฐานร้านค้าเข้ามาใช้บริการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30-40%