สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่ารัฐบาลวอชิงตันประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงในอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติอย่างจำเพาะเจาะจง "ที่ดีในระดับสูงสุด" เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่บุคลากรการทูตของสหรัฐ
ด้วยเหตุนี้ ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รัฐบาลวอชิงตันมีความจำเป็นต้องลดจำนวนเจ้าหน้าที่การทูต ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในอัฟกานิสถาน โดยไพรซ์เน้นย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้น "ยังไม่ใช่การปิดพื้นที่" และยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงคาบูลยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
การประกาศดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในด้านความมั่นคง ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งฉุกเฉิน ส่งทหารชุดใหม่จำนวน 3,000 นาย เดินทางไปยังอัฟกานิสถานทันที เพื่อปฏิบัติภารกิจสนับสนุนและอารักขาความปลอดภัย ให้แก่บุคลากรการทูตและครอบครัว ซึ่งต้องเดินทางออกจากอัฟกานิสถาน และมีคำเตือนโดยตรงไปยังกลุ่มตาลีบัน ว่า "พร้อมตอบโต้ทันที" หากพลเมืองสหรัฐคนใดก็ตาม ได้รับอันตรายระหว่างการอพยพครั้งนี้
บรรยากาศวังเวงบริเวณแผนกวีซ่า ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำกรุงคาบูล
ขณะที่ พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า ตอนนี้เหลือทหารอเมริกันประมาณ 650 นายอยู่ในอัฟกานิสถาน เพื่อปกป้องสถานเอกอัครราชทูต และท่าอากาศยานนานาชาติคาบูล และกล่าวถึงรายงานของเดอะ วอชิงตัน โพสต์ เพียงว่า ทหารชุดใหม่ 3,000 นาย จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบระหว่างกองทัพอัฟกานิสถานกับกลุ่มตาลีบัน "อย่างเด็ดขาด"
ด้านกลุ่มตาลีบันยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่สหรัฐและอีกหลายฝ่ายยอมรับว่า กลุ่มตาลีบันรุกคืบได้อย่างรวดเร็ว "จนน่าเหลือเชื่อ" นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐเริ่มต้นการถอนทหารชุดสุดท้ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ปิดฉากการทำสงคราม 20 ปี ในอัฟกานิสถาน หลังเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อปี 2544.

เครดิตภาพ : REUTERS