นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย  เปิดเผยว่า  การแพร่ระบาด ของโควิด-19 ในช่วง 19 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ทั้งในเรื่องการทำงานและเรียน ซึ่งในรอบปีต่อจากนี้ ทางไมโครซอฟท์ได้วางแนวทางในการดำเนินธุรกิจในไทยให้เป็น “ปีแห่งการเดินหน้า” เพื่อร่วมสร้างหนทางใหม่ๆ ให้คนไทย องค์กรไทยและสังคมไทยได้เดินหน้ากันต่อไปจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ถือเป็นยุคของการใช้ชีวิตและทำงานในแบบรีโมต ที่แทบทุกอย่างต้องมีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทางไมโครซอฟท์พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนยังเดินหน้าได้ ทั้งการร่วมมือกับทางภาครัฐ และพาร์ทเนอร์

“แผนงานใน 1 ปีข้างหน้า ไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าต่อในเรื่องกระจายความรู้และทักษะเชิงดิจิทัล กับการร่วมมือกับภาครัฐ อาทิ  กระทรวงศึกษาธิการ โดยการอบรมครูและนักเรียนทั่วประเทศ กว่า 8,120,000 คน และร่วมกับ ที่ประชุมอธิการบดีแห่ง ประเทศไทย หรือ ทปอ. นำหลักสูตรด้านทักษะของไมโครซอฟท์ ผสานเข้ากับแผนการสอนในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครอบคลุมนักศึกษาและอาจารย์ 2,300,000 คน นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับกระทรวงแรงงาน พัฒนาทักษะดิจิทัลให้แรงงานไทย กว่า 4 ล้านคน รวมถึงการนำเทคโนโลยีไปสนุบสนุนภาครัฐแก้ปัญหาโควิด-19 ด้วย ”

สำหรับภาคอุตสาหกรรมไอทีไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้น 4.9% หลังจากในปี 63  ที่ผ่านมาติดลบ 4.5% ขณะที่การใช้จ่ายกับบริการคลาวด์สาธารณะ มีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นถึง 31.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 23.1% อย่างไรก็ตามในรอบปีที่ผ่านมา ในส่วนของไมโครซอฟท์ ก็มีผลิตภัณฑ์และบริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อาทิ กลุ่ม Power Platform, Intelligent Endpoint, Data & AI, Microsoft Teams, Azure, Dynamics  โดยเฉพาะ ไมโครซอฟท์ทีม ที่โตมากกว่า 1,000% บริการด้านดาต้า และเอไอ และ คลาวด์อาชัวร์ เติบโตเป็นเลข 3 หลัก หรือ มากกว่า 100% ซึ่งเป็นผลมาจากมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการทำงาน และเรียนมากขึ้น

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ไมโครซอฟท์จะมี มีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาดมากมายเข้ามาตอบสนอง ต่อความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น วินโดวส์ 11 ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ และ แพลตฟอร์มคลาวด์อาชัวร์ ที่มีโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อ ตอบโจทย์เฉพาะตัวของแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งสถาบันการเงิน การแพทย์ และ กลุ่มค้าปลีก ฯลฯ