สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งกลุ่มตาลีบันกำลังรุกคืบอย่างหนัก ว่า "ผู้นำอัฟกันต้องสามัคคีกัน" ขณะเดียวกัน กองทัพอัฟกานิสถาน "ต้องมีจิตวิญญาณของการต่อสู้" ผู้นำสหรัฐกล่าวต่อไปอีกว่า ทหารอัฟกานิสถานมีจำนวนมากกว่ากลุ่มตาลีบัน "ชายชาติทหารต้องสู้เพื่อปกป้องมาตุภูมิ"
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปิดฉากสงครามยาวนาน 20 ปี หรือนับตั้งแต่ผ่านพ้นเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อปี 2544 เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลตาลีบัน และสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์
ส่วนหนึ่งของผู้อพยพชาวอัฟกานิสถาน รวมตัวกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในกรุงคาบูล
แม้รายงานหลายกระแสระบุว่า คณะเสนาธิการทหารสหรัฐเคยเตือนไบเดนว่า การถอนทหาร "เร็วเกินไป" จะกลายเป็น "การเอื้อประโยชน์" ให้แก่กลุ่มตาลีบัน แต่ผู้นำสหรัฐยืนยันว่า "ไม่เสียใจ" กับการตัดสินใจครั้งนี้ เนื่องจากตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลวอชิงตันทุ่มงบประมาณทางทหารเฉพาะในอัฟกานิสถาน มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 33.37 ล้านล้านบาท ) และสูญเสียชีวิตของทหารอเมริกันหลายพันนาย
อย่างไรก็ตาม ไบเดนยืนยันว่า แม้จะถอนทัพออกไปแล้ว แต่สหรัฐจะยังคงให้ความสนับสนุนทางทหาร "จากทางอากาศ" การมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชน และงบประมาณสนับสนุนกองทัพอัฟกานิสถาน ที่รวมถึงการช่วยเรื่องเงินเดือนด้วย
ขณะที่แหล่งข่าวอาวุโสในสหภาพยุโรป ( อียู ) ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้กลุ่มตาลีบันยึดครองพื้นที่ในอัฟกานิสถานได้มากกว่า 65% โดยเริ่มจากทางเหนือและทางตะวันตก นัยว่าเพื่อเตรียมล้อมกรุงคาบูลที่อยู่ทางตะวันออก และใกล้ได้ยึดครองเมืองเอกอีกอย่างน้อย 11 จังหวัด ส่วนเมืองเอกแห่งล่าสุดที่กลุ่มตาลีบันยึดครองได้ คือเมืองไอย์บัค ในจังหวัดซามันกัน ที่อยู่ทางเหนือของประเทศ.

เครดิตภาพ : AP