แต่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว และการเสด็จขึ้นทรงราชย์ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนสาธารณรัฐเชื่อว่า จุดสิ้นสุดของสถาบัน ซึ่งมีอายุเก่าแก่นานกว่า 1,000 ปี อาจขยับใกล้เข้ามามากขึ้น

“สมเด็จพระราชินีนาถ คือราชาธิปไตยของคนส่วนใหญ่ และหลังการเสด็จสวรรคตของพระองค์ อนาคตของสถาบันจะเผชิญกับอันตรายในระดับร้ายแรง” นายเกรแฮม สมิธ หัวหน้าผู้บริหารกลุ่มรณรงค์ “รีพับลิก” กล่าวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา “แม้สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 สืบทอดราชบัลลังก์ แต่พระองค์จะไม่ได้ทรงสืบทอดการอนุโลม และความเคารพที่สมเด็จพระราชินีนาถ ทรงเคยได้รับ”

แม้ผลสำรวจยังคงยืนยัน ชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่สนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ และการสนับสนุนต่อสมเด็จพระราชินีนาถในระดับเดียวกันหรือสูงกว่า ซึ่งกลุ่มรีพับลิกันยอมรับว่า พวกเขาไม่มีโอกาสเปลี่ยนระบบ ขณะที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพ ทว่าผลสำรวจก็แสดงถึงการสนับสนุนที่กำลังลดลงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มชาวสหราชอาณาจักรรุ่นใหม่ และการที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้รับความนิยมน้อยกว่า

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความมั่นคงของสถาบันโบราณอย่างสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นบางสิ่งที่ผู้คนสามารถพึ่งพิงได้ ซึ่งอดีตราชองครักษ์กล่าวว่า มันเปรียบเสมือนกับราชวงศ์ทรงประทาน “บางอย่างที่เหมือนแสงสว่าง” ให้กับประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มรีพับลิกได้เพิ่มการรณรงค์มากขึ้นบนสื่อสังคมออนไลน์ สมิธและผู้สนับสนุนสาธารณรัฐคนอื่น ต่างให้เหตุผลมาเป็นเวลานานแล้วว่า เมื่อชาวสหราชอาณาจักรเผชิญกับความจริงของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ในฐานะกษัตริย์ การสนับสนุนสถาบันโดยรวมจะลดน้อยลงตามกันไป

สมิธกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาหลังพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เขาและนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ จะเรียกร้องผลักดันให้มีการลงประชามติเกี่ยวกับอนาคตของสถาบัน

แม้ไม่มีแนวทางชัดเจนในการถอดสถาบันออกจากสหราชอาณาจักร เนื่องจากไม่มีกฎหมายรับรอง ฝ่ายตรงข้ามโต้แย้งว่า หากความคิดเห็นของสาธารณชนแสดงการคัดค้านอย่างท่วมท้น ราชวงศ์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้

ไม่ใช่แค่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ที่สถานะของสถาบันกษัตริย์อาจเผชิญกับการคุกคาม เพราะแม้ว่าประเทศในจักรวรรดิอังกฤษส่วนใหญ่จะแยกย้ายหายไปในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังทรงเป็นประมุขของเครือจักรภพอีก 14 ประเทศ ซึ่งรวมถึงแคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

แม้ความนิยมและการยกย่องสรรเสริญที่มีต่อสมเด็จพระราชินีนาถส่วนมาก จะปิดบังแนวคิดสาธารณรัฐนิยม แต่สำหรับตอนนี้ ประเด็นนั้นมีแนวโน้มที่จะกลับมาอีกครั้งด้วยแรงผลักดันที่เกิดขึ้นมาใหม่.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS