คำร้องดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.1% จากงบประมาณเริ่มต้นในปีงบประมาณปัจจุบัน นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 11 ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้ให้คำมั่นว่าจะ “เสริมสร้างความสามารถด้านการป้องกันของญี่ปุ่นโดยพื้นฐาน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้านี้”

ทั้งนี้ คำของบประมาณ ซึ่งจะถูกส่งไปยังกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเพื่อพิจารณา ก่อนที่จะมีการตัดสินใจในช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้ รวมถึงการจัดหาเงินทุนสำหรับรายการมากกว่า 100 รายการด้วย ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาขีปนาวุธสแตนด์ออฟภายในประเทศ ที่สามารถยิงจากยานพาหนะ เรือ และเครื่องบินของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (เจเอสดีเอฟ) เช่นเดียวกับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อ ๆ ไป ร่วมกับสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ เนื่องจากรัฐบาลของคิชิดะกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขเอกสารนโยบายความมั่นคงที่สำคัญทั้ง 3 ฉบับของประเทศ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นในครั้งนี้ จึงประกาศเพียงรายการคำร้องขอที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ โดยไม่เปิดเผยค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับพวกเขาอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งงบประมาณทั้งหมดอาจสูงถึงช่วงกลาง 6 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.55 ล้านล้านบาท) หลังค่าใช้จ่ายที่ไม่ระบุสำหรับรายการเหล่านั้นได้รับการสรุปแล้ว

เมื่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน ขยายขนาดและขีดความสามารถของกองทัพเรือ ญี่ปุ่นจึงเสริมความมั่นคงทางทะเลด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อปกป้องหมู่เกาะนานเซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น รวมไปถึงหมู่เกาะเซนกากุ/เตียวหยู ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่น-จีน ในทะเลจีนตะวันออก

ขณะเดียวกัน กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น (เจจีเอสดีเอฟ) มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงระยะขีปนาวุธสแตนด์ออฟของญี่ปุ่น โดยมีการของงบประมาณเพื่อเริ่มการผลิตขีปนาวุธที่พัฒนาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อเสริมการป้องกันต่อกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในทะเลจีนตะวันออกของจีน รวมถึงการดำเนินการวิจัยขีปนาวุธร่อนความเร็วสูงมาก สำหรับการป้องกันเกาะห่างไกล และขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก

แม้คิชิดะจะให้คำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันของญี่ปุ่นอย่างมากในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ โดยพิจารณาถึง “ทุกทางเลือก” เพื่อเพิ่มการป้องกันประเทศ ซึ่งรวมถึงการได้มาซึ่งความสามารถในการโจมตีฐานทัพของศัตรู แต่ในขณะเดียวกัน เขาจงใจหลีกเลี่ยงการระบุอย่างแน่ชัดว่าเขาจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันของญี่ปุ่นมากเท่าไหร่

สำหรับการใช้จ่ายด้านการป้องกันที่เพิ่มขึ้น คิชิดะกล่าวว่าตัวเลขเป้าหมายเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้ความสำคัญมากกว่าการหาสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ในการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี มันยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ว่าการอสัญกรรมของอาเบะจะส่งผลกระทบต่อนโยบายการป้องกันประเทศของคิชิดะภายในสิ้นปีนี้หรือไม่ และอย่างไร.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS