นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจทิ่มเข้าปลายคางนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ไปแล้ว 2 ครั้ง เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางระหว่างองค์การคลังสินค้า (อคส.) กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท

ครั้งแรกนายประเสริฐอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องดังกล่าวเมื่อเดือน ก.. 64 ครั้งต่อมาเมื่อ ก.. 65 โดยแฉว่ามีการถอนเงินสดออกจากบัญชีต่าง ๆ มีการโอนเงินอย่างมีพิรุธไปยัง 8 บริษัท รวมทั้งหมดเป็นวงเงินเกิน 1 พันล้านบาท ในจำนวนนี้มีการโอนเงินไปยังบริษัทแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ จำนวน 301 ล้านบาท

ดังนั้นจึงไม่ใช่การฟอกเงินภายในประเทศอย่างเดียว แต่เป็นการฟอกเงินข้ามประเทศด้วย หลังจากนั้นเงินจำนวนดังกล่าวจะบินกลับมาเข้ากระเป๋าใคร?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหลังสุด นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไว้วางใจ “บ๊วย” สุด! แล้วที่น่าสนใจคือมี ส.ส. 3 คน จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้งดออกเสียง โดย 2 คน เป็นเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวกัน

แต่อีกคนคือ นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เหตุผลว่า นายจุรินทร์ชี้แจงกรณีการจัดซื้อถุงมือยางของ อคส. ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากนายจุลพันธ์ เคยเป็นรองผู้อำนวยการ อคส.มาก่อน จึงทราบข้อมูลเชิงลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนแรกนายจุลพันธ์ จะลงมติไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำไป แต่เพื่อรักษามารยาท จึงเลือกงดออกเสียง

“พยัคฆ์น้อย” ไม่ได้มาอภิปราย ไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ซ้ำ! แต่มาสะกิด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. รวมทั้งกรรมการ ป.ป.ช. คนอื่น ๆ และนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. ว่าดำเนินการสอบสวน ติดตามเส้นทางการเงินในคดีทุจริตถุงมือยาง ไปถึงไหนกันแล้ว?

เนื่องจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องดังกล่าวในสภาตั้งแต่เดือน ก.ย. 64 ถึงปัจจุบันครบ 1 ปีพอดี มีการแฉเส้นทางการเบิกเงินจากธนาคารแถว ๆ จ.นครปฐม เบิกเงินสดครั้งละ 5-10-56 ล้านบาท ต้องมากันกี่คน จึงจะแบกเงินสดออกจากธนาคารไปขึ้นรถยนต์ได้

โดยเฉพาะข้อมูลว่าใครเป็นคนมาเบิกเงิน ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่รู้กี่ตัวในธนาคาร ข้อมูลเหล่านี้มีครบถ้วน จึงสอบสวนหาตัวกลุ่มขบวนการได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงต้องถามว่า “ป.ป.ช.” ทำงานคืบหน้าไปถึงไหน? หรือว่ายัง “รำวง” อยู่กับอดีตผู้บริหาร อคส. 2 คน และปลาซิวปลาสร้อย ใน อคส. อีก 2 คน

การทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 2 พันล้านบาท แต่มีตัวละครลุยถั่วกันแค่ 4 คนเท่านั้นหรือ? ไม่สอบสวนพบเส้นทางการเงินโยงใยไปยังคนใกล้ชิดกับพรรคเก่าแก่บ้างหรือ? โดยเฉพาะ “มิสเตอร์ ณ.เณร” พื้นเพสุราษฎร์ธานี ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลยใช่มั้ย?

วันก่อนอดีตเจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ ใน อคส.ที่ติดร่างแหไปด้วย ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล เพื่อขอให้ยึด-อายัดทรัพย์สินของอดีต “บิ๊ก อคส.” ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญ เพราะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 150 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 ปีเศษ

ถ้ามัวแต่ “ทอดเวลา” การสอบสวนคดีทุจริตถุงมือยาง โดยเห็นชัด ๆ ว่า ตัวละครสำคัญร่ำรวยอู้ฟู่! ถ้าไม่รีบยึด-อายัดไว้ก่อน อาจยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือไม่? ดังนั้น ป.ป.ช. ต้องรีบจัดการกับพวก “ปลาใหญ่” ก่อน! ส่วนพวก “ปลาเล็ก” มีแต่กางเกงใน จึงหนีไปไหนไม่รอดหรอก!!

………………………..
พยัคฆ์น้อย