ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จึงต้องมาจับตาดูท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล ประเมินอย่างไรต่อสถานการณ์ และเสถียรภาพรัฐบาลเป็นอย่างไร หลังที่ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องเข้ามาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาแสดงความเห็นสถานการณ์การเมืองจากนี้

โดย “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” เปิดฉากกล่าวว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่า สถานการณ์การเมืองจะไปถึงจุดไหน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร “การเมืองต้องมีทางไป แล้วก็ไม่มีทางตัน” ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญได้ ส่วนจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองระหว่างที่กฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ส่วนหากจะให้มีการเลือกตั้งไม่ว่าจะยุบสภา หรืออยู่ไปจนครบเทอมก็อยากให้ออกเป็นกฎหมายปกติมากกว่า ออกเป็น พ.ร.ก. หรือประกาศ กกต. ทั้งหมดขึ้นอยู่ว่าอุบัติเหตุทางการเมืองจะอยู่ในช่วงไหน กฎหมายเลือกตั้งเสร็จหรือยัง แต่ทุกอย่างต้องมีทางไปไม่มีทางตัน

“ทั้งนี้ในภาพรวมพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีปัญหาในการที่ทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะเรามีหลักเกณฑ์ของเราในการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราเคยทำงานเป็นแกนนำรัฐบาล เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เคยเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราทำงานมาตลอด 76 ปี เพราะฉะนั้นเรามีความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์การทำงานในระบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นพรรค ปชป. มีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจ
ว่าเราจะต้องทำอะไรในหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมอื่น ๆ ในขณะนี้ก็ยังไม่มีปัญหา หรือสะท้อนอะไรออกมา”

ประเมินหรือไม่ว่าเราจะเลือกตั้งตามระยะเวลาหรือจะเร็วกว่าที่คิด เพราะอาจจะมีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นพรรคได้เตรียมตัวอย่างไร

การเมืองภาพรวมที่ผมอยากฉายให้เห็นก็คือว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้มันมาถึงจุดที่ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่บอกว่าเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า ถ้ารัฐบาลอยู่ ครบเทอม วันที่ 23 มี.ค. ปีหน้า เราก็เหลือเวลาอีก 6-7 เดือนโดยประมาณ ก็ต้องมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญกำหนด คือ ต้องจัดเลือกตั้งประมาณ 45 วันโดยประมาณ วันเลือกตั้งก็ประมาณปลายเดือน เม.ย. หรือต้น พ.ค. 66 ต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะหนีไปจากนั้นไม่ได้

หรือถ้าเกิด อุบัติเหตุ การเมืองออกมาก่อนที่จะมีเลือกตั้ง เช่น มีการยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งภายใน 60 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะฉะนั้นถ้ามีการยุบสภาขึ้นมาจริงเมื่อไหร่ต้องนับไป 45-60 วัน ตามรัฐธรรมนูญกำหนดนั้น คือคำตอบ เพราะฉะนั้นหากเลือกตั้งปกติ ต้องไม่เกิดปลายเดือน เม.ย. หรือต้น พ.ค. 66 แต่หากมีการยุบสภาก็ต้องเร็วกว่านั้น เพราะฉะนั้นสถานการณ์เลือกตั้งก็เห็นอยู่รำไรอยู่แล้วตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ผมถึงบอกว่ามันกำลังเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในช่วงระยะเวลานี้ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นพรรคการเมืองทุกพรรคกำลังเดินหน้าในการเลือกตั้ง

หากมีการเลือกตั้งจริง ๆ ในเวลาอันใกล้ ปชป. จะขายอะไรให้โดนใจประชาชน และผลงานที่ทำมามีอะไรสำเร็จเป็นที่น่าพอใจและคิดว่าจะนำอะไรไปต่อยอดเพื่อเป็นจุดขายของพรรค

เราทำได้สำเร็จทุกเรื่อง หลายเรื่องได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้ คือ “ทำได้ไว ทำได้จริง” คือ ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ทำรายได้ให้กับประเทศ ทั้งหมดนี้มีตัวเลขที่ได้ปรากฏออกมาชัดเจน ทั้งในเรื่องการประกันรายได้เกษตรกร ทั้งตัวเลขการส่งออก เพื่อนำเงินเข้าประเทศได้ สามารถช่วยทำให้สินค้าเกษตรดีขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมเอสเอ็มอี หรืออื่นๆ สามารถเดินหน้าได้ ผู้ใช้แรงงานมีงานทำ จากนั้นก็สามารถทำให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ทุกภาคส่วนในประเทศได้ และสิ่งที่ทำมาสามารถทำให้ราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้น ระยะเวลาที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ยุคนี้เป็นยุคหนึ่งที่สามารถทำให้ราคาการเกษตรดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสำปะหลัง ยาง ข้าวโพด ปาล์ม ซึ่งเป็นพืชเกษตร 5 ตัวที่เราประกันรายได้ อีกทั้งผลไม้ตามฤดูกาลก็ราคาดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี

ความจริงพรรค ปชป. ไม่ได้มีแต่ผลงานเฉพาะของกระทรวงพาณิชย์ ยังมีในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ก็มีผลงานออกมาปรากฏได้เด่นชัดมากมาย เราก็มีผลงานที่ปรากฏชัดเจนในเรื่อง ก.เกษตรฯ ก็จับมือคู่กันไปกับ ก.พาณิชย์ เพราะฉะนั้นผลงานเป็นการช่วยทำให้ราคาพืชเกษตรมันดีขึ้น ช่วยการส่งออกราบรื่นภายใต้หลักคิด “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ขณะเดียวกันกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่พรรคเข้าไปดูแลก็ได้มีการผลักดันหลายเรื่อง เช่น ที่เข้าไปดูเรื่องของผู้สูงอายุ ซึ่งตั้งแต่ที่เรามาดูและจากสถานการณ์โควิดมา ได้ผลักดันเงินเยียวยาให้แล้ว 2 รอบ ซึ่งขณะนี้กำลังเดินหน้ารอบ 2 นอกจากนี้เราได้เข้าไปแก้ปัญหาเรื่องการรับเงินเบี้ยยังชีพซ้ำซ้อน จน ครม. ได้เห็นชอบในหลักการที่พรรค ปชป. เสนอไปแล้วว่าให้สามารถรับเงินซ้ำซ้อนได้ นอกจากนั้นเด็กแรกเกิดอายุ 0-3 ขวบ ช่วยเหลือเดือนละหกร้อย ขณะนี้เราได้ขยายไปถึง 6 ขวบ แม้จะไม่ได้ทุกคน แต่ในอนาคตเราจะผลักดันให้ได้ทุกคนถ้วนหน้าต่อไปถ้ามีวงเงินงบประมาณที่เพียงพอ นอกจากนั้นในเรื่องผู้พิการ อันนี้เราเข้ามาช่วยเหลือดูแลหลายเรื่อง

“เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะขายต่อไปก็คือ แน่นอนเราต้องขายผลงานเพราะ 3 ปีที่อยู่ร่วมกับรัฐบาล แม้มี 50 หรือ 52 เสียง แต่ผลงานเป็นที่ประจักษ์ และผมมั่นใจว่า เราทำงานเกินเสียงที่เรามีด้วยซ้ำนอกจากขายผลงานแล้วพรรคต้องขายความมีอุดมการณ์ของพรรค เพราะอุดมการณ์ คือรากของความเป็นธรรมที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยั่งยืน เป็นสถาบันการเมืองได้มาถึงทุกวันนี้ อุดมการณ์ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และอุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประชาชน”

ส่วนในเรื่องของพรรคที่เราเตรียมการในเรื่องการเลือกตั้ง เราได้เตรียมการไว้เกือบครบถ้วนรอบด้าน ทั้งในเรื่องของตัวบุคคลที่จะส่งเลือกตั้งทั้งในส่วนของเขตเลือกตั้ง และบัญชีรายชื่อ ในเรื่องนโยบายก็มีการเตรียมการมาโดยต่อเนื่องมาตลอด คณะกรรมการนโยบาย ที่รวมกับคณะกรรมการ บุคคลภายนอกรวมกับคลังสมองของพรรคต่างก็ได้เดินหน้ากันไปแบบตกผลึกเกือบครบทั้งหมดแล้ว รอช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ เราไม่ได้เดินลง ผมขอย้ำคำเดิมว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินขึ้น ผมมั่นใจว่าเราจะได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนในทุกภาคมากกว่าเดิม.