เมื่อวันที่ 7 ก.ย. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,128 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 3-6 กันยายน 2565 พบว่า จากกระแสข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ทำให้ประชาชนสนใจติดตามข่าวการเมืองมากขึ้น ร้อยละ 50.45 และมองว่าข่าวที่อาจจะมีการ “ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่” น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 53.92 คิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปผู้สมัครในพรรคฝ่ายค้านน่าจะได้เปรียบ ร้อยละ 52.75 เรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงก็น่าจะมากขึ้น ร้อยละ 56.56 สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือก ส.ส. ครั้งต่อไป คือ พรรคที่สังกัด ร้อยละ 70.10 รองลงมาคือ ตัวผู้สมัคร ร้อยละ 64.51
ทั้งนี้ประชาชนคิดว่าการทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ของพรรคการเมืองและ ส.ส. มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างมากสูงถึงร้อยละ 90.84 และสถานการณ์การเมืองไทยหลังจากนี้จะร้อนแรงมากขึ้น ร้อยละ 68.29 โดยการเมืองเชิงสร้างสรรค์ที่ประชาชนอยากเห็นคือ นักการเมืองต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ร้อยละ 24.35
ประชาชนมองว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้เป็นการส่งสัญญาณของการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งในการตัดสินใจเลือกผู้แทนครั้งนี้ ประชาชนจะให้ความสำคัญกับ “พรรคที่สังกัด” มาเป็นอันดับแรก จึงได้เห็นการขยับตัวของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะงัดยุทธวิธีใด หากนักการเมืองไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน คาดว่าเลือกตั้งครั้งใหม่น่าจะไม่ง่ายนัก เพราะประชาชนมองเชื่อมโยงไปยังผลงานที่ผ่านมา รวมไปถึงยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล นิสัยใจคอ การเข้าถึงพื้นที่ ฯลฯ ผลโพลในครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณจากประชาชนส่งถึงไปยังนักการเมืองด้วยเช่นกัน.