ในภาวะที่ประเทศเรายังคาราคาซังด้วยปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองซึ่งเกี่ยวพันหลายฝ่ายกลายมาเป็นตัวละครดำเนินเรื่อง

หนึ่งในตัวละครสำคัญอย่าง รัฐบาล ภายใต้การนำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่น่าจะเป็นตัวเอกในการหาทางคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง กลับมีอาการอ่วมอรทัยเสียเอง

เพราะนอกจากแก้ไขปัญหาหลายเรื่องที่สะสมมานานไม่หมดเสียที ขณะที่สภาพเศรษฐกิจของไทยในภาพรวมยังลุ่มๆดอนๆ ชาวบ้านยังโอดครวญเรื่องปากท้องทุกหย่อมหญ้า ราคาพืชผลสำคัญๆก็ช่างผันผวน แถมยังต้องสู้รบกับภัยโรคระบาด “โควิด-19” ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อข้ามปี

แม้แต่การเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ก็ถูกเย้ยหยันว่าจนป่านนี้ยังไม่เห็นดอกผลออกมาเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร ยิ่งงานด้านการเมืองนั้น รัฐบาลยังโดนบรรดาผู้แทนราษฎรในสภารุมอภิปรายโจมตีสารพัดประเด็น

ล่าสุดเกิดเรื่องจากคนในรัฐบาลที่จุดกระแสเรียกแขกมารุมโจมตี ทั้งจากกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการแต่งตั้ง “จุ๊บจิ๊บ – ธนพร ศรีวิราช” หวานใจของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดำรงตำแหน่ง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

แม้ดูผิวเผินสถานะความเป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งดังกล่าวอาจไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตมากนัก แต่ทำให้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์พร้อมตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมที่อาจทำให้ถูกมองว่าเป็น “รัฐบาลผัว-เมีย”

ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก หลังมีการเผยแพร่เอกสารที่ท่าน รมต.คนดังรายนี้ปฏิบัติราชการแทน รมว.เกษตรฯ ไปเซ็นใน ประกาศคณะกรรมการประกาศปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ลงวันที่ 28 ต.ค.2563 อนุญาตให้ใช้ที่ดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อกิจการอื่นซึ่งมีหลายประเภท

โดยประเด็นที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงและยังขัดเจตนารมย์ของ ส.ป.ก. นั่นคือการอนุญาตให้สามารถเช่าที่ดินเพื่อสร้างโรงงานและหอพักได้นั่นเอง

ขณะเดียวกัน ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่อาจทำให้ท่านผู้นำวางใจได้เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคภูมิใจไทย ที่นำโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค พ่วงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ที่การออกมาแอ๊คชั่นหน้าม่านการเมืองมักแฝงนัยแสดงราคาการเป็นตัวแปรสำคัญต่อความอยู่รอดของรัฐบาล

นอกจากนี้ ในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่าง พรรคพลังประชารัฐ มีส.ส.ตัวจี๊ดหลายคนออกมาพูดจาฟาดฟันใครๆ แถมชกข้ามรุ่นใส่ผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่ไม่สมควร แต่ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวนายกฯและรัฐบาลให้ยิ่งดูย่ำแย่

ส่วนเรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่แม้ว่านายกรัฐมนตรีประกาศท่าทีสนับสนุน แต่กลไกสำคัญทั้ง ส.ว.และ ส.ส.บางส่วนเล่นเกมตุกติกเป็นระยะๆ

อีกภารกิจสำคัญที่ฝ่ายผู้มีอำนาจกำลังปวดหัวหนัก คือการหาทางคลี่คลายปัญหาการชุมนุมของกลุ่ม “ราษฎร” ที่กระจายในหลายพื้นที่ และยังยืดเยื้อต่อไป แถมมีมวลชนอีกฝ่ายอกมาเคลื่อนไหวเผชิญหน้าตอบโต้กลุ่มแรก

เรื่อง ม็อบการเมือง ไม่ว่าจะของใคร ถ้ายังเรื้อรังแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติให้ติดลบไปด้วย

โดนถาโถมอ่วมขนาดนี้อาการเมาหมัดช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ