ที่พบว่า…มีจำนวนไม่น้อยที่ “ผู้ก่อเหตุมีช่วงอายุน้อยลง!!!”… ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปรากฏการณ์ที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ขอร่วมสะท้อนต่อ…ว่าสังคมไทยจำเป็นที่จะต้องร่วมกัน “ไขรหัส-ไขคำตอบ” เพื่อที่จะหาทาง “ยับยั้งสถานการณ์ปัญหามิให้ลุกลามขยายวงมากยิ่งขึ้น” ซึ่งถ้าไทยยังไม่มี “มาตรการสกัดกั้น” เรื่องนี้…

ไทยต้องเจอกับ “ระเบิดเวลาลูกใหม่”

“ระเบิดลูกใหญ่” กรณี “อาชญากรเด็ก”

ที่เมื่อเริ่มบึ้มขึ้น…การแก้ก็อาจช้าเกิน!!

ทั้งนี้ เกี่ยวกับ “ปัญหาอาชญากรเด็ก” นั้น…กรณีนี้มีแง่มุม-มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ โดย ผศ.ร.ต.อ.ดร.คทารัตน์ เฮงตระกูล ซึ่งมีการสะท้อนไว้ในบทความใน วารสารกระบวนการยุติธรรม (Journal of Thai Justice System) ถึง “ปัจจัยต่าง ๆ” ที่อาจจะเป็น “เครื่องบ่มเพาะยุวอาชญากร” โดยมีการระบุไว้ว่า…เกิดได้จากหลายปัจจัย หลายองค์ประกอบ อาทิ ปัจจัยทางกายภาพ ปัจจัยทางสังคม ปัจจัยทางจิต ที่เป็น “ตัวกระตุ้น” จนทำให้ “มีอาชญากรเด็กเพิ่มขึ้น” ในยุคนี้…

ทาง ผศ.ร.ต.อ.ดร.คทารัตน์ ได้สะท้อนถึงปัจจัยเรื่องนี้ไว้ว่า… ในเรื่องของตัวกระตุ้นจาก ปัจจัยทางกายภาพ นั้น มีแนวคิดหนึ่งเชื่อว่า… บุคคลที่มีญาติหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นอาชญากร หรือสืบสายโลหิตมาจากผู้ที่เป็นอาชญากร กรณีนี้มีความเป็นไปได้ว่าบุคคลนั้นจะมีแนวโน้มในการก่ออาชญากรรมตามญาติหรือสมาชิกในครอบครัว?? นอกจากนี้ มีผลศึกษาต่างประเทศที่พบกรณีน่าแปลกใจว่า…บุตรบุญธรรมที่มีบิดาตัวจริงเป็นอาชญากร กรณีนี้มีแนวโน้มที่บุคคลนั้นจะมีแรงกระตุ้นในการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นได้ถึง 2 เท่า?? เมื่อเทียบกับผู้ที่บิดาไม่ได้เป็นอาชญากร ทั้งที่ไม่เคยติดต่อกับบิดาตัวจริง…

นี่ถือเป็นผลศึกษาที่ “น่าประหลาดใจ??”

นอกจากนั้น ทางผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ท่านเดิมยังระบุไว้ถึง “ตัวกระตุ้น” ที่จัดเป็นปัจจัยทางกายภาพที่อาจ “บ่มเพาะ” ทำให้เกิด “ยุวอาชญากร”  ว่า… “ภาวะทุพโภชนาการ” ก็อาจเป็นอีกปัจจัยทำให้เกิด “อาชญากรเด็ก” ขึ้นได้ จากการที่เด็กหรือเยาวชนคนนั้นได้รับสารอาหารตามช่วงวัยที่ไม่ถูกสัดส่วนทางโภชนาการ จนทําให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างพัฒนาการไม่ครบถ้วน จนส่งผลต่อระบบของร่างกาย อาทิ กรณี มีน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้คน ๆ นั้น…

แสดงพฤติกรรม “ก้าวร้าวต่อคนรอบข้าง”

หรือ “มีปัญหาการปฏิสัมพันธ์” กับสังคม

สำหรับการศึกษาในไทยนั้น พบว่า… วัยรุ่นภาคอีสานมีปัจจัยเสี่ยงด้านกายภาพมากที่สุด จากการได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ขณะที่ค่านิยมที่มองการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องปกติ กับการแพร่หลายของสารเสพติด ก็เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้วัยรุ่นอีสานมีแนวโน้มจะก่ออาชญากรรมด้วย” …ผศ.ร.ต.อ.ดร.คทารัตน์ สะท้อนไว้

ขณะที่ “ปัจจัยทางจิตใจ” นั้น ได้มีการระบุไว้โดยสังเขปมีว่า… จากผลการศึกษาของกลุ่มจิตวิทยาอาชญากรรม ซึ่งได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับ “บุคลิกของอาชญากร” พบว่า… “ปัจจัยทางจิตใจ” คือ “ตัวกำหนดการกระทำผิด” ที่จะผลักดันหรือกระตุ้นทำให้คน ๆ หนึ่งกระทําผิดได้ อย่างไรก็ตาม แต่ ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้คนกระทำความผิดได้นั้น จะต้องมีพัฒนาการมาแต่เยาว์วัย จนติดตัวมาเป็นนิสัย หรือคน ๆ นั้น มีการกระทําผิดซ้ำซากเกิดขึ้น ส่วนภาวะของโรค ปัญหาทางจิตเวชนั้น ก็มีส่วนทำให้เกิดการทำผิดขึ้นได้ เช่น ผู้ที่มีระบบความคิดบกพร่อง หรือระบบสมองบกพร่อง หรือตกอยู่ภายใต้ความกดดันทางจิตใจ หรือขาดความมั่นคงทางจิตใจ ซึ่งภาวะของโรค ปัจจัยเหล่านี้ ก็มีผลในการกระตุ้น…

กระตุ้นการ “ก่ออาชญากรรม” ได้เช่นกัน

ส่วนในด้าน “ปัจจัยทางสังคม” นั้น ผศ.ร.ต.อ.ดร.คทารัตน์ ได้อธิบายไว้ว่า… หัวข้อนี้อาจจะหมายความรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กวัยรุ่น อาทิ สภาพครอบครัวและชุมชนรอบตัว ที่สามารถเป็นปัจจัยส่งผลโดยตรงต่อการเป็นอาชญากรเด็กได้ นอกจากนี้ ในมุมของอาชญวิทยาสังคม ปัญหาการคบเพื่อนที่ไม่ดีก็มีผลทําให้เกิดการชักนำไปสู่เส้นทางการประกอบอาชญากรรมของเยาวชนได้เพิ่มขึ้น จากการที่ได้เรียนรู้ทั้งวิธีการและเทคนิคจากกลุ่มเพื่อนที่ไม่ดี หรือแม้แต่การได้รับแรงจูงใจและการกระตุ้นจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งกรณีนี้มีผลกับ “ความถี่ในการก่ออาชญากรรม” รวมถึง “กระตุ้น” ทำให้…

มีการ “เลียนแบบอาชญากรรม” ในวัยรุ่น

การเป็นยุวอาชญากรอาจมีหลายสาเหตุหลายปัจจัยเสริมกันและกัน จนนําสู่การประกอบอาชญากรรมขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจมีทั้งที่ควบคุมไม่ได้และที่สามารถควบคุมได้… การเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เข้าสู่วงการอาชญากรรมเป็นสิ่งสำคัญ ที่ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ควรศึกษา เพราะเป็นปัจจัยสําคัญที่จะมีผลต่อจำนวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของจำนวนอาชญากรเด็ก” …ทาง ผศ.ร.ต.อ.ดร.คทารัตน์ ชี้ไว้ถึง “ความสำคัญ” ของ “ทุกภาคส่วนในสังคม”…

ช่วยกันแก้ปัจจัยบ่มเพาะ “ยุวอาชญากร”

เพื่อที่จะสกัดกั้นปัญหา “อาชญากรเด็ก”

อีก “เรื่องเด็กที่มิใช่เรื่องเล็กในสังคม!!”.