นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ธุรกิจร่วมทุนธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้ายอดปล่อยสินเชื่อของไลน์ บีเค จะเป็นไปตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสินเชื่อคงค้าง 9,000 ล้านบาท แต่หลังจากนี้ไลน์ บีเค จะเน้นดูแลคุณภาพลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้อาชีพอิสระที่เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40% ของพอร์ต ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้รายได้ลดและมีความเสี่ยงผิดนัดชำระ จึงต้องดูแลคุณภาพและเรื่องความสามารถชำระหนี้เป็นหลัก โดยยังต้องหาแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัว

ทั้งนี้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ 2% ของสินเชื่อรวม คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่อาจยังเห็นไม่มากในไลน์ บีเค เพราะเพิ่มเริ่มต้นธุรกิจ และเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยต้องควบคุมไม่ให้เกิน 5% พร้อมเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ซึ่งระหว่างนี้ยังมีลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้ หากแก้ไขไม่ได้อาจทำให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นได้

“เน้นทำอย่างไรให้ช่วยลูกหนี้ให้มีภาระน้อย และเป็นตัวช่วยให้ลูกหนี้มีออกซิเจนหายใจ และรอให้กลับมาได้ ซึ่งจะเป็นโจทย์ใหญ่กว่าหนี้เสีย และไลน์ บีเค ยังคงรับสินเชื่อเพิ่มเติม ในขณะที่ตัวเลขหนี้เสียยังไม่สะท้อนตัวเลขที่แท้จริง อาจจะอีก 1-2 ปี ธุรกิจใหม่อย่างไลน์ บีเค จะเห็นหนี้เสียที่แท้จริง”

นอกจากนี้ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าไลน์ บีเค เตรียมประกาศพันธมิตรใหม่เป็นความร่วมมือเรื่องสินเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญให้เข้าถึงลูกค้าได้กว้างที่สุด ขณะที่ธุรกิจประกัน คาดว่าจะเริ่มต้นเป็นตัวกลางขายประกันภายใน 1 ปี ส่วนเรื่องการลงทุน ขอพิจารณาตลาด ทั้งตลาดหุ้น กองทุน หรือสินทรัพย์ดิจิทัล และต้องดูคนอยากจะลงทุนแค่ไหนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 64 ที่ผ่านมา ไลน์ บีเค มีบริการทางการเงิน ได้แก่ บริการบัญชีเงินฝาก 3.4 ล้านบัญชีผู้ใช้, บริการบัญชีเงินออมดอกพิเศษ 75,000 บัญชีผู้ใช้, บริการบัตรเดบิต 1.4 ล้านบัตร ส่วนบริการวงเงินให้ยืม มียอดการสมัครวงเงินให้ยืม 4 ล้านใบสมัคร เป็นยอดอนุมัติสินเชื่อ 350,000 บัญชี เฉลี่ยวงเงินต่อคนสินเชื่อบุคคล 35,000 บาท และนาโนไฟแนนซ์ 11,000 บาท