ปี่กลองเลือกตั้งเริ่มจะดังแล้ว จริงๆ มันก็เริ่มขึ้นมานานก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เพราะขั้วฝ่ายค้านเชื่อว่าขั้วรัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ จากวาทกรรมที่ย้ำๆๆๆ โจมตีรัฐบาลคือเรื่อง “ของแพง กู้เงิน” ซึ่งรัฐบาลก็เฝ้าชี้แจงว่า เรื่องของแพงมันมาจากปัญหาทั่วโลก คือ เรื่องราคาพลังงานสูงขึ้น ทำเงินเฟ้อ อาหารขาดตลาดบางอย่างเพราะการเพาะปลูกไม่ทันหรือการกักตุน ซึ่งก็พยายามแก้ปัญหาไป ส่วนกู้เงินก็พยายามอธิบายว่า ส่วนใหญ่ต้องใช้เพื่อการช่วยเหลือประชาชนยุคโควิด ที่รัฐบาลต้องให้ประชาชนแบบให้เปล่า ช่วยเหลือเอสเอ็มอี กระตุ้นการจ้างงาน และต้องลดการจัดเก็บภาษีหรือประกันสังคม …แต่อธิบายให้ตายยังไง “ของแพง ดีแต่กู้” มันเป็นคำที่ท่องง่ายกว่า

บุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โผงผาง ใจร้อน ชอบสอน ก็เป็นลักษณะแบบ ตาแก่ขี้บ่น ซึ่ง ไม่ถูกใจกลุ่มประชาชนรุ่น (generation) ใหม่ ไปจนถึงรุ่นกลางๆ ที่เขาเปิดรับข่าวสารแล้วเปรียบเทียบบุคลิกผู้นำบ้านเรากับบุคลิกผู้นำประเทศอื่นๆ “ที่ดูดี” (ทั้งที่บุคลิกผู้นำประเภทภาพลักษณ์ไม่ค่อยสวยก็มีให้เห็นไม่ใช่น้อย ในช่วง 8 ปีของรัฐบาลประยุทธ์เราก็เห็นอยู่หลายคน) สำคัญการสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์ “สร้างขวัญกำลังใจให้นึกถึงภาพอนาคตที่ดีกว่า” ไม่ได้ โดยเฉพาะภาพสองมิติสำคัญ คือ เศรษฐกิจดี และคนเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ ทั้งการได้รับรัฐสวัสดิการที่เป็นธรรมและความเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่เห็นผลปฏิรูปอะไรชัด

พอรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ ขั้วฝ่ายค้านเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแต่เนิ่นๆ สร้างภาพฝันให้ประชาชน ชัดเจนที่สุดที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ซึ่งวันนี้ยังแทงกั๊กอยู่ว่าจะเป็น แคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรคหรือไม่ แต่การเดินสาย ดึงเสียงเสื้อแดงกลับ ไปพื้นที่ให้คนที่คิดถึงพ่อ กับอา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจอให้หายคิดถึง ออกต่างจังหวัดเรื่อยๆ ก็ปลุกกระแสให้เพื่อไทยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเองก็ยังย้ำประเด็นเรื่อง “กฎหมายที่บิดเบี้ยว” ตรงที่พรรคที่ได้รับการเลือกตั้งอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นวิธีจะเอาชนะเสียง ส.ว.โหวตนายกฯ ต้อง “แลนด์สไลด์”

อุ๊งอิ๊งจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรคหรือไม่? น่าจะ “ฝึกงาน” ในด้านการเป็น ส.ส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ตรวจสอบรัฐบาลก่อนสักสมัยให้ “แข็งแรง” ก่อน เวลาพูด อภิปรายอะไรจะได้น่าฟัง สร้างความหวังถึงการนำไปสู่สังคมที่ดีกว่า มีข้อมูลหลักฐานมาอธิบาย อย่าให้เหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ค่อนข้างสัมภาษณ์สื่อยาก ส่วนมากบอกว่าใครรับผิดชอบงานไหนแล้วให้ไปถามคนนั้น หรือถามก็ตอบสั้นๆ แต่สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอะไรให้สบายหูอยู่บ้างตรงที่นายกฯ หญิงไม่ใช่พวกตอบโต้ทางการเมือง ทำให้ไม่มีการตีวาทกรรมกันเป็นขยะบนหน้าข่าว

มีคนกระซิบว่า “ยังไม่อยากให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ” เขาว่า พวก คสช.ยังมีอำนาจในระดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า แฝงอยู่ในรูป ส.ว.ตามบทเฉพาะกาลที่ คสช.ตั้งขึ้น แถมองค์กรอิสระก็ถูกมองมีความเชื่อมโยงกับ คสช. อีก เพราะหลายคนถูกตั้งในสมัย คสช. ถ้าเกิดเหตุให้นายกฯ ไม่ใช่ขั้ว คสช. ก็อาจมีปัญหาได้ กระทั่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็กระดูกไม่แข็งพอ เลยมีคนเชียร์ “บิ๊กตู่ใหญ่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ควรเป็นนายกฯ สมัยหน้า เพราะห้าวเป้ง กล้าลุยท้าชนทุบทุกปัญหา นายกฯ แบบนี้เขาเรียก “สายแทงก์” คือชนเลยไม่ต้องประนีประนอม

แต่ก็มีคนค้านอีกว่า จะเอาประชาธิปไตยเต็มใบ เบื้องต้นคือมันต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้อง อาศัยคนที่ประสานสิบทิศ ประนีประนอมกับ ส.ว.ได้ โดยเฉพาะเพื่อให้แก้บทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 3 เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ล้างไพ่ของเก่าให้หมด แล้วในรัฐธรรมนูญใหม่อาจกำหนดหมวดปฏิรูปอะไรไว้บ้างก็ได้ เขียนไว้กว้างๆ แล้วไปกำหนดกฎหมายที่ต้องทำตามหมวดปฏิรูป และเงื่อนเวลาที่ต้องเสร็จเอา ..ซึ่งหากต้องใช้การประสาน ส.ว.บทเฉพาะกาลเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ จะเอาสายแทงก์เป็นนายกฯ คงยาก

อย่างไรก็ตาม ก็คงจะเห็นกันแล้วว่า แต่ละพรรคก็เตรียมพร้อมเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว เพื่อไทยนำมาก่อน เพราะคงหวังที่สุดที่จะกลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีก พรรคก้าวไกลนั้นประกาศจะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง 9 ก.ย. พรรคร่วมรัฐบาล ก็ยังตีกันอยู่เลย ทั้งตีกันเองและตีกันนอกพรรค …ที่ตีกันเองในพรรคหนักที่สุดคือประชาธิปัตย์ ซึ่งมีข่าวออกมาหนาหูเรื่อยๆ ว่า “ลูกพรรคไม่พอใจผู้บริหารชุดนี้” ที่ดูเหมือนจะเอาแต่พวกตัวเอง ไม่ให้ความสำคัญกับคนทำงานเก่าแก่เท่าที่ควร บางคนไม่ได้รับการพิจารณาให้ลง ส.ส.เขตทั้งที่เป็นพื้นที่เก่าของเขา บางคนสนับสนุนใครแล้วถูกหักหน้า ก็ทยอยเลือดไหลออกไปเรื่อยๆ ตัวดูดสำคัญคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคสร้างอนาคตไทย 

พายุหมุนวุ่นป่วนในพรรคแค่ไหนก็แล้วแต่จะคิดกัน แต่ภาพที่ออกมามันทำให้เห็นว่า “พรรคไม่มีเสถียรภาพ” พอพรรคอื่นจะลงพื้นที่หาเสียง “เจาะยาง” คนพรรคประชาธิปัตย์เลยออกมาขวางหูขวางตาใส่แบบที่ผู้ใหญ่ทางการเมืองเขาเห็นว่า “ผิดมารยาททางการเมือง” คือหาเสียงก็ส่วนหาเสียง ทุกคนมีสิทธิไปได้ทุกพื้นที่ มีสิทธิเสนอนโยบายอะไรก็ได้ ที่สุดแล้วมันขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสินใจ ว่าจะเอาคนเก่าที่ทำงานถูกใจหรือไม่ถูกใจไม่รู้ หรือคนใหม่มาลองผิดลองถูก

คือจะ ประกาศแลนด์สไลด์ กวาดทั้งจังหวัด ตอกเสาเข็มปักเสาไฟอะไรมันก็แค่วาทกรรมในการหาเสียงธรรมดา แต่อีที่ออกมาดิ้นๆ ๆ นี่มันดูแล้วแปลกๆ อย่างล่าสุด นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ค่อยพอใจที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศเรื่องเป้าหมายได้ ส.ส.สงขลา ซึ่งตามธรรมดาเขาก็ต้องประกาศยกจังหวัด แต่นายอนุทินใช้คำพูดว่า “ปักเสาเข็ม” ..ทำ แจ็ค วัชระ ทนไม่ได้ออกมาตอบโต้ว่า “การที่พวกเศรษฐีเจ้าสำราญจะมาตอกเสาเข็มทั่วภาคใต้นั้น ก็ต้องดูผลงานการตอกเสาเข็มที่ผ่านมาด้วยว่ามีมาตรฐานหรือไม่ มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ อาทิ ผลงานการตอกเสาเข็มที่อุโมงค์หนองบอน กรุงเทพฯ ผลงานการตอกเสาเข็มอาคารรัฐสภาใหม่เป็นของใคร ฝนตกเมื่อใด ก็เกิดน้ำรั่วทุกครั้ง” อันนี้ก็เสียดสีบริษัทอะไรเรารู้ๆ กัน

ทำให้ นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ออกมาโต้หน่ายๆ ว่า มันก็แค่การหาเสียงปกติ แล้วถ้าประชาธิปัตย์มีผลงานอะไรดีๆ ก็งัดมาโชว์ ไหนๆ อยู่มาขนาดนี้แล้วก็ต้องมีเยอะขนาดเทท่วมพรรคภูมิใจไทยได้ หรือว่าไม่มี? พร้อมทั้งขอให้เลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ปรามๆ ลูกพรรคหน่อย เพราะออกมาพูดแบบนี้มันน่าอาย

ก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานข่าวว่า นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะยุให้ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปรับ ครม.ยึดเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และพาณิชย์ กลับมาเป็นของ พปชร. ทำเอาเด็กประชาธิปัตย์คือ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.จังหวัดเดียวกัน ควันออกหู ว่าเป็นการเรียกร้องตำแหน่งและด้อยค่าพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่อยู่มาดีๆ จนจะหมดวาระ (มี.ค.66) อยู่แล้ว จะเสี้ยมให้กินแหนงแคลงใจกันทำไม

ถ้า ภูมิใจไทย เรียกร้องให้ผู้ใหญ่พรรคอบรมมารยาทนายวัชระ ทางประชาธิปัตย์โดยนายชัยชนะก็เรียกร้องให้ พปชร. อบรมมารยาทลูกพรรคเหมือนกัน คือ นายสัณหพจน์ นี่แหละ แถมนายชัยชนะยังโวยว่า ที่ผ่านๆ มา เด็ก พปชร. บางคนมีพฤติกรรมล้ำเส้น ดูถูกดูแคลนกันเกินไปจนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล (ถอนตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรแล้ว) เพราะอยู่กันแบบนี้ก็รักกันเหมือนเสือกอดกัน คือระแวงว่าจะฟัดกันเองตอนไหนไม่รู้

ก็พอจะเข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้มีความอ่อนไหวมาก เนื่องจากปัญหาภายในเกี่ยวกับที่คนเก่าแก่หลายคนไม่ค่อยชอบผู้บริหารคณะนี้ และภาคใต้ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นตลอดมา ถูกเจาะยางแรง โดยเฉพาะจากพรรคภูมิใจไทยที่ นางนาที รัชกิจประการ เป็นแม่ทัพ มุ่งเสนอโครงการพัฒนา กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างมาก อย่างที่พัทลุง จากเมืองผ่านเล็กๆ เงียบๆ ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีจุดเช็กอินน่าสนใจมากมาย ร้านอาหารเปิดเพิ่มมาก ทำให้คนที่พัทลุงจำนวนมากรู้สึกว่าเลือกภูมิใจไทยแล้วเศรษฐกิจดีขึ้น ภูมิใจในจังหวัดตัวเอง และ ภูมิใจไทย ก็กำลังจะเจาะยางฝั่งอันดามันเพิ่มอีก

ไม่ใช่แค่ภูมิใจไทยมุ่งเจาะยางแบบชัดๆ พปชร. ก็พยายามอยู่ แม้ว่ากระแสจะไม่ค่อยแรงเท่าภูมิใจไทย แต่ก็ต้องรอดูการปรับทัพคนดูพื้นที่ใต้ซึ่งควรจะเปิดตัวเร็วๆ ได้แล้ว อย่างนางนาทีก็ใช้เวลาสะสมบารมีนานระดับหนึ่ง และยังไม่รู้ว่า คนที่ออกจากประชาธิปัตย์ไปเข้าพรรคอื่นจะฝังแค้นรออาฆาตไว้แย่งคะแนนพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ โดยไปแฝงในพรรคอื่น อย่างนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง เขต 2 หลายสมัย ก็ไปอยู่พรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว

พอใกล้เลือกตั้งมันก็มีศึกสาดโคลนแบบนี้ บางเรื่องก็ตลกโปกฮาเป็นสีสันดี มุมน่าสนใจก็มีว่าแต่ละพรรคทำอะไรมา เสนอโครงการอะไร เพื่อเป็นข้อมูลให้คนพื้นที่ตัดสินใจ.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”