จากกรณีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนบุกเดี่ยวเข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตรเลียม เลขที่ 111 หมู่ 4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงใส่ นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จนเสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและญาติที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 นำกำลัง ชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือ บูรพา 491 สนธิกำลังร่วมกับตำรวจกองปราบปราม (บก.ป.) เปิดปฏิบัติการ บุกจับกุมตัว นายปิติ นิชรัตน์ อายุ 54 ปี และนายนิติพนธ์ หรือแบน ฉ่ำชื่น ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” โดยจับตัวนายปิติ ได้ภายในบริเวณ ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และ จับกุมตัวนายนิติพนธ์ ได้ในพื้นที่ จ.แพร่
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 15 ส.ค. ได้เกิดเหตุคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนบุกเดี่ยวเข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตรเลียม เลขที่ 111 หมู่ 4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงใส่ นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จนเสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและญาติที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ร่วมกับ กก.2 บก.ป. บก.สส.ภ.2 บก.สส.ภ.จว.ระยอง สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญประชาชนรวมถึงผู้ตายยัง เป็นทนายความที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในพื้นที่และเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทุจริตและกระทำผิดกฎหมาย.
ไล่วงจรปิดหาเบาะแสมือยิง ‘ทนายมานพ’ เมียชี้ปมหักการเมืองท้องถิ่น
เปิดภาพวงจรปิดคนร้ายยิงโหด ‘ทนายมานพ’ ดับสลดคาปั๊มน้ำมัน
โดยจากการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และมีการวางแผนมาก่อเหตุอย่าง “มืออาชีพ” มีสำรวจพื้นที่ สะกดรอยติดตามทนายมานพฯ ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น คนร้ายจงใจไปจอดทิ้งไว้ในที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนโดดไปขึ้นรถยนต์ของผู้ร่วมก่อเหตุอีกคน ที่จอดรอรับในพื้นที่เปลี่ยวใกล้จุดทิ้งรถขับหลบหนีไปด้วยกัน จากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ถูกขโมยมา มีการแจ้งความหายไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2557 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนยืนยันตัวบุคคลที่เป็นมือยิงและคนพาหลบหนีได้ทั้ง 2 คน จากรอยนิ้วมือที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ พนักงานสอบสวน บก.ป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายปิติ ซึ่งเป็นมือปืนลงมือก่อเหตุ ได้หนีมากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว รวมถึงแบ่งกำลังอีกชุดเข้าจับกุมตัวนายนิติพนธ์ คนพาหลบหนี ได้ในพื้นที่ จ.แพร่
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ ซึ่งหลังจากนี้ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะเดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเอง ก่อนจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่ กองบังคับการปราบปราม.