การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รูดม่านปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 8 ส.ค. โดย ทัพไทย ที่มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 41 คน จาก 16 ประเภท ใน 15 ชนิดกีฬา คว้ามาได้ 1 เหรียญทอง จากเทควันโด 49 กก.หญิง ของ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และ 1 เหรียญทองแดง จากมวยสากลสมัครเล่น รุ่น 60 กก.หญิง ของ “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี ส่งผลให้ ทีมนักกีฬาไทยได้อันดับ 59 ของตารางและอยู่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรอง ฟิลิปปินส์ ที่ได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รั้งอันดับ 49 และอินโดนีเซีย ที่ทำได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง อยู่อันดับ 54 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี ที่ทีมไทยไม่ได้ครองอันดับ 1 ของอาเซียน ในศึกโอลิมปิกเกมส์

“บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย กล่าวว่า ผลงานของนักกีฬาไทยถือว่าน่าพอใจแล้ว ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักกีฬาอีกจำนวนหนึ่ง ไม่สามารถแข่งขันเพื่อชิงโควตาให้ได้มากกว่านี้ ขณะที่กีฬาความหวังของไทยอย่าง ยกน้ำหนัก ก็ไม่มีนักกีฬาไทย เข้าร่วมแข่งขัน ดังนั้นต้องชื่นชมว่านักกีฬาไทยทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดแล้ว และเชื่อมั่นว่าในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทีมไทย จะทำผลงานได้มากกว่า 1 เหรียญทอง

แม่ทัพไทย กล่าวด้วยว่า ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะวางแผนงานการเตรียมนักกีฬา “โรด ทู ปารีส 2024” ทันที เพราะมีเตรียมตัวแค่ 3 ปีเท่านั้น และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่จะทำให้การพัฒนาและการฝึกซ้อมของนักกีฬาทำได้ไม่เต็มที่ โดยคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย จะต้องวางแผนและหาสถานที่ฝึกซ้อมให้นักกีฬาที่เหมาะสมและปลอดภัย รวมถึงการสนับสนุนให้ได้ออกไปแข่งขัน เพื่อหาประสบการณ์และการคว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ให้ได้มากที่สุดด้วย.