สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในบันทึกข้อความ เมื่อวันพฤหัสบดี มอบหมายให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำกลไก "ชะลอและเลื่อนระยะเวลา" ภายในกรอบนานสูงสุด 18 เดือน สำหรับพลเมืองฮ่องกงซึ่งกำลังอาศัยอยู่ในสหรัฐ "ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับนโยบายข่มขู่ด้านการเมืองระหว่างประเทศ"
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมพลเมืองฮ่องกงจำนวนเท่าใด ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลวอชิงตันเผยว่า "เกือบทั้งหมดจะได้รับความคุ้มครอง" ต่อมานายอเลฮันโดร มายอร์กาส รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวฮ่องกงที่ได้รับอนุญาตจะสามารถหางานทำในสหรัฐได้ด้วย
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ วิจารณ์รัฐบาลของไบเดน "ทำให้ขาวเป็นดำ" และเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของแผ่นดินใหญ่ "ในระดับร้ายแรง" พร้อมทั้งยืนยันว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ที่บังคับใช้เฉพาะกับฮ่องกง เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว "ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้น"
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงการคลังของสหรัฐขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่อาวุโส 7 คนของจีน ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักประสานงาน ของรัฐบาลกลางประชาชนในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เนื่องจากเป็นผู้ขับเคลื่อน "กลไกนโยบาย" ทั้งหมดของรัฐบาลปักกิ่ง ที่มีต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในฮ่องกง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังของสหรัฐยังมีแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตือนผู้ประกอบการของสหรัฐเกี่ยวกับ "ความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น" ของการดำเนินธุรกิจในฮ่องกง ด้านรัฐบาลปักกิ่งตอบโต้ด้วยการขึ้นบัญชีดำพลเมืองสหรัฐ 7 คน รวมถึงนายวิลเบอร์ รอสส์ อดีต รมว.พาณิชย์ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคาโรลีน บาร์โธโลมิว ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยสหรัฐ-จีน.

เครดิตภาพ : REUTERS