ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็น่าเสียวไส้ระคนน่าตกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นระยะ รวมถึงช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่โรงเรียนบางแห่งมีนักเรียนติดเชื้อโควิดรวมแล้วทะลุกว่า 900 คน ซึ่งเมื่อโรงเรียนโดยรวมนั้นมีการเรียนแบบ On-site เรียนในโรงเรียน… “โรงเรียน-สถานศึกษา” ก็ต้องเป็น “พื้นที่เฝ้าระวังโควิดอย่างเข้มงวด”
นักเรียนติดโควิดกันมากนี่ย่อมไม่ใช่แค่เรื่องเด็ก ๆ
นี่ยึดโยงถึงครู ผู้ปกครอง ตลอดจนชุมชนในละแวก
ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ…สำหรับ “คลัสเตอร์โควิดโรงเรียน”
ทั้งนี้ ในขณะที่กรณี “โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ (Health Promoting School)” หรือกรณี “ทำให้ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพเพื่อรับมือยุดโควิด-ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง” ดังที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้สะท้อนข้อมูลไว้เมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยังคงต้องใช้เวลาและใช้ทุกองคาพยพผลักดันกันอีกมาก กับ “การ์ดสูงป้องกันโควิด-19 ในโรงเรียน” ก็ยังจะ “ต้องให้ความสำคัญอย่างมากต่อไป” ทั้งในส่วนโรงเรียน ครู นักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง ตลอดจนชุมชน
ภายหลังเกิดการระบาดมากของโควิด-19 ใน “สถานศึกษา-โรงเรียน” โดยที่ “พบนักเรียนติดเชื้อโควิดแบบกลุ่มก้อน” น่าเสียวไส้-น่าตกใจ!! ก็มีฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาย้ำเตือนถึงมาตรการเข้มอีกหน มีการเน้นให้เข้มงวดในเรื่องการ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากผู้อื่น ส่วน ในพื้นที่โรงอาหารให้ใช้อุปกรณ์ส่วนตัว ลดพูดคุยระหว่างทานอาหาร และสวมหน้ากากอนามัยทันทีที่ทานเสร็จ ตลอดจนมีการขอความร่วมมือพ่อแม่ผู้ปกครองให้ ดูแลการเดินทางไปกลับของนักเรียนให้เป็นระบบปิดมากที่สุด …ซึ่งนอกจากคำแนะนำแล้ว ก็ยังได้มีการย้ำว่า…
ให้โรงเรียนต่าง ๆ “จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ” ไว้…
สำหรับ “ป้องกันนักเรียนติดเชื้อโควิดจำนวนมาก”
เกี่ยวกับ“แผนเผชิญเหตุโควิด-19” ที่มีการออกมาระบุให้โรงเรียนเตรียมพร้อม ตามข่าวที่ปรากฏเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถามว่า…เป็นแบบไหน?? หรือ…มีรายละเอียดอย่างไร?? ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้ลองประมวลรวบรวมจากข้อมูลที่มีออกมาก่อนหน้านี้ โดยพบว่า “มีขั้นตอน-มีมาตรการ” เพื่อ “ควบคุมเชื้อโควิด” อยู่พอสมควร ซึ่งตามที่ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เคยประกาศแนะนำออกมานั้น ก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจ และ โรงเรียนต่าง ๆ ควรเร่งทบทวนนำมาใช้ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งกับการพบ “ผู้ติดเชื้อ-ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง-ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ” ซึ่งโดยสังเขปนั้นมีแนวทางปฏิบัติดังนี้…
ในกรณีที่พบว่า “มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ” ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน ครู หรือบุคลากร กรณีนี้มีคำแนะนำว่า… ยังเปิดเรียน On-site ได้ตามปกติ แต่ ให้เน้นปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention (UP) และ ทำการประเมิน Thai Save Thai (TSC) รวมถึง เน้นย้ำให้มีการเว้นระยะห่างในห้องเรียนไม่น้อยกว่า 1 เมตร …ให้ทางโรงเรียนนั้น ๆ สถานศึกษานั้น ๆ…
วาง “มาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัย”…
มาตรการ “Sandbox Safety Zone in School (SSS)”
ถัดมา… ถ้าเป็นในกรณีที่พบว่า “มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง สำหรับแนวทางในกลุ่มนี้มีคำแนะนำไว้ว่า… การจัดการเรียนการสอน หรือการปฏิบัติงานของบุคลากรในโรงเรียน ให้เน้นการทำกิจกรรมหรือปฏิบัติงานใน Quarantine Zone ตามมาตรการ SSS เป็นระยะเวลา 5 วัน และหลังจากนั้น เมื่อครบกำหนดแล้วก็ ให้เฝ้าติดตามสังเกตอาการต่อไปอีก 5 วัน แต่ถ้าเป็นกรณีของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามคำแนะนำในปัจจุบัน และไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้มีการกักกัน
ทั้งนี้ สำหรับ การตรวจคัดกรองโควิดด้วย ATK กับแนวทางเกี่ยวกับโรงเรียน-นักเรียน ก็มีคำแนะนำไว้เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป คือ… ถ้ามีอาการ แนะนำให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ทันที ถ้าไม่มีอาการ แต่ได้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ก็แนะนำ ให้ตรวจ ATK คัดกรองครั้งแรกในวันที่ 5 และตรวจครั้งสุดท้ายในวันที่ 10 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ
ส่วนกรณีพบว่าภายในสถานศึกษา ภายในโรงเรียน “มีผู้ติดเชื้อ” ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน ครู บุคลากร สำหรับคำแนะนำในกรณีนี้ มีแนวทางปฏิบัติคือ… จัดทำมาตรการแยกกักกันที่บ้าน (Home Isolation) โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานบริการสาธารณสุข หรือ จัดทำมาตรการแยกกักกันที่โรงเรียน (School Isolation) โดยอาจจะพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อประจำพื้นที่นั้น ๆ เพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางปฏิบัติ ซึ่งสำหรับกลุ่มนี้ในกรณีที่ไม่มีอาการ ให้ทางโรงเรียน จัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม
ขณะที่ พื้นที่ในโรงเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ ฯลฯ กรณีในโรงเรียนมีผู้ติดเชื้อ ต้องจัดให้มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันทีโดยหลังทำความสะอาดฆ่าเชื้อตามสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียนแล้ว โรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติโดยไม่จำเป็นต้องปิดเรียน …ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นคำแนะนำโดยสังเขป สำหรับ “สถานศึกษา-โรงเรียน” เกี่ยวกับ “แผนสู้โควิด”
“ยกใหม่สำหรับโรงเรียน” ตอนนี้ “ระฆังดังแล้ว!!”…
แผนสู้ “แผนเผชิญเหตุโควิด” นี่ “ปัดฝุ่นใช้ด่วน!!”
ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยสู้ “อย่าให้มีเด็กตาย!!”.
