ในระหว่างที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดยังไม่คลี่คลายดีนัก โลกก็มีโรคเก่าที่ออกมาระบาดใหม่อย่าง ‘ฝีดาษลิง’ ที่ทำให้หลายประเทศวุ่นวายปั่นป่วนกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเราเอง

กระนั้น ชีวิตคนก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป การจะให้ประชาชนอยู่กับที่เฉย ๆ หรือ ‘ชัตดาวน์’ ปิดเมืองแบบ 100% นั้นเป็นไปได้ยากแล้ว เว้นแต่ว่าจะเป็นประเทศที่รัฐบาลกุมอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างประเทศจีน

เมื่อเริ่มมีการเปิดประเทศ ก็มีการเดินทาง และหลังจากที่ทนอัดอั้นเพราะไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตากันมานาน ชาวโลกจำนวนมากจึงไม่รอช้าที่จะมองหาจุดหมายปลายทางในต่างแดนที่คิดว่าจะให้ประสบการณ์ที่ดี 

สำหรับการเดินทางยุคนี้ หลายประเทศยังคงต้องการเอกสารทางการแพทย์ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า เราคือนักเดินทางผู้ปลอดเชื้อ แต่หลักฐานประจำตัวสุดอมตะที่ต้องใช้ยืนยันตัวตนในทุกเขตแดนก็คือ หนังสือเดินทาง หรือ ‘พาสปอร์ต’

เมื่อ 2-3 วันก่อน บริษัทเฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอรส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของรัฐบาลอังกฤษ เกี่ยวกับการอนุมัติสัญชาติด้วยเงื่อนไขของการพำนักและการลงทุนในประเทศ ได้เผยแพร่รายชื่อชุดหนึ่งที่ระบุว่าเป็นการจัดอันดับ ‘หนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก’ ซึ่งเป็นการจัดอันดับว่าพาสปอร์ตของประเทศใด ‘ใหญ่’ ที่สุด ผู้ที่ถือพาสปอร์ตของประเทศนั้น ๆ จะสามารถเดินทางไปยังหลากหลายประเทศมากที่สุดโดยแทบจะไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องใช้วีซ่า หรือสามารถขอวีซ่าเข้าเมืองได้ทันทีเมื่อเดินทางไปถึง รวมทั้งได้รับอนุญาตจากประเทศปลายทางให้ใช้วีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ได้

ประเทศที่เข้าข่ายนี้ จะได้คะแนน 1 แต้ม หรืออธิบายแบบง่าย ๆ ว่า พาสปอร์ตของใครใช้เข้าประเทศอื่นได้เลย โดยไม่ต้องมีวีซ่า จะได้ 1 คะแนนจากประเทศนั้น พาสปอร์ตที่ใช้แทนวีซ่าได้มากประเทศที่สุด ย่อมได้คะแนนมากที่สุด

ในปีนี้ เป็นที่น่ายินดีว่ามีพาสปอร์ตของประเทศในเอเชียติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดของปี 2565 หรือประจำ ค.ศ.​ 2022 ซึ่งได้แก่ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้

ที่สำคัญคือประเทศญี่ปุ่น ได้อันดับ 1 ของปีนี้ ซึ่งแปลว่า ตอนนี้พาสปอร์ตของชาวญี่ปุ่น คือพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก สามารถเดินทางเข้าไปยังจุดหมายในประเทศต่าง ๆ ได้มากถึง 193 แห่ง ขณะที่อีกสองประเทศเอเชียที่เหลือ เข้าได้น้อยกว่าเพียง 1 แต้ม หรือเดินทางเข้าถึงประเทศอื่นแบบไม่ต้องใช้วีซ่าได้ 192 ประเทศ 

สำหรับ 10 อันดับแรกของพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ได้แก่

1. ญี่ปุ่น (193 ประเทศ)

2. สิงคโปร์, เกาหลีใต้ (192 ประเทศ)

3. เยอรมนี, สเปน (190 ประเทศ)

4. ฟินแลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก (189 ประเทศ)

5. ออสเตรีย, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน (188 ประเทศ)

6. ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, อังกฤษ (187 ประเทศ)

7. เบลเยียม, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา (186 ประเทศ)

8. ออสเตรเลีย, แคนาดา, สาธารณรัฐเช็ก, กรีซ, มอลตา (185 ประเทศ)

9. ฮังการี (183 ประเทศ)

10. ลิทัวเนีย, โปแลนด์, สโลเวเกีย  (182 ประเทศ)

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ประชาชนจากประเทศเอเชีย เจ้าของพาสปอร์ตผู้ทรงอิทธิพลในระดับท็อปเท็นทั้งสาม กลับมีการเดินทางน้อยกว่าทางฝั่งยุโรปและอังกฤษ ซึ่งทำให้เกิดวิกฤติการใช้สาธารณูปโภคสนามบินนานาชาติในเวลานี้

วิลลี วอลช์ ผู้อำนวยการสมาพันธ์ขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) มีความเห็นว่าเป็นเพราะประเทศในเอเชียเหล่านี้ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเดินทางมากกว่าประเทศทางยุโรป เนื่องมาจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลของประเทศในเอเชีย ออกมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวด และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีท่าทีที่จะผ่อนปรนอย่างเต็มที่

ส่วนพาสปอร์ตของไทยในปีนี้ รั้งอันดับที่ 70 จากทั้งหมด 199 ประเทศ สามารถเข้าประเทศอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเป็นจำนวน 79 ประเทศ

ส่วนผู้ที่สนใจอันดับของพาสปอร์ตประเทศต่าง ๆ สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของ henleyglobal.com

แหล่งข้อมูล : henleyglobal.com, blavityinc.com, qz.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES