การ์เลส โรมาโกซา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และทีมงาน เดินหน้ากระบวนการหาโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ หลังจากที่ สมาคมฯ ประกาศยุติสัญญากับ อากิระ นิชิโนะ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 ก.ค.64 เนื่องจากผลงานในการคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ไม่เป็นไปตามเป้า

สำหรับทีมชาติไทยนั้น ในปีนี้มีโปรแกรมแข่ง 2 รายการ คือฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ปลายเดือน ต.ค. และชุดใหญ่ ในการแข่งขัน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ” ในช่วงเดือน ธ.ค. ขณะที่ฟีฟ่าเดย์ 3 ครั้ง ได้ถูกยกเลิก เพื่อเคลียร์ทางให้ศึกไทยลีก

“พ่อบ้านโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมลูกหนังไทย กล่าวกับ “กีฬาเดลินิวส์” ว่า ในเรื่องกระบวนการสรรหาโค้ชใหม่ เป็นหน้าที่ของ ฝ่ายเทคนิคสมาคมฯ ที่มี การ์เลส โรมาโกซา เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคและทีมชาติ รวมทั้งทีมงาน สตาฟฟ์โค้ช ในการสรรหา ตอนนี้เริ่มกระบวนการไปแล้ว นำรายชื่อโค้ชที่อยู่ในข่าย ไม่ว่าไทย หรือโค้ชต่างชาติมาพิจารณา โปรไฟล์โค้ชแต่ละคนจะไปอยู่ที่ฝ่ายเทคนิคทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้ช้า และไม่ใช่ว่าไม่รีบ แต่มีหลายปัจจัยที่นำมาตัดสินใจเลือก ดังนั้นต้องให้เวลา ไม่เร่งรัด ซึ่งฝ่ายเทคนิค ก็รู้อยู่แล้วว่า การแข่งขันมีช่วงเวลาไหน ก็จะหาโค้ชมาตามเวลาที่เหมาะสม

“ตอนนี้เราให้ฝ่ายเทคนิคทำหน้าที่ไปเลย รายชื่อต่างๆ ที่เสนอตัวมา ก็ไปอยู่ที่นั่นหมด การ์เลส กับทีมงานก็จะพิจารณานำมาเปรียบเทียบแต่ละคน และตัดเหลือตัวเลือกให้น้อยที่สุด เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่รีบ แต่ต้องให้เวลาเขาทำงาน ซึ่งก็เริ่มกระบวนการไปแล้ว เขาก็รู้ไทม์ไลน์ว่า ทีมชาติไทยจะแข่งช่วงไหนบ้าง ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม”

เมื่อถามถึงการแข่งขันฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ที่จะเตะปลายเดือน ต.ค. นายพาทิศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ แต่งตั้งโค้ชรักษาการแล้ว คือ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ในทางปฏิบัติคือตอนนี้ โค้ชจุ่น ก็เดินหน้าทำงานไปก่อน ทั้งชุดใหญ่ และงานที่จะมาถึงก่อน คือฟุตบอล 23 ปี แต่หากระหว่างนี้ ฝ่ายเทคนิคสรรหาโค้ชเสร็จสิ้นก่อน ก็อาจจะแต่งตั้งก่อน

เมื่อถามว่า โค้ชชุดใหญ่ และโค้ช 23 ปี จะเป็นคนเดียวกัน เหมือนตอนที่ อากิระ นิชิโนะ ยังคุมอยู่หรือไม่ นายพาทิศ กล่าวว่า ตอนนั้น นิชิโนะ ระบุว่า จะทำควบชุดใหญ่ กับชุด 23 ปี ไปด้วย แต่กับโค้ชใหม่ต้องมาคุยกันอีกทีถึงความเหมาะสม ว่าจะแยกกัน หรือเป็นคนเดียวกัน.