ความคืบหน้าจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับ ปานเพชร ผดุงชัยมวยไทยยิม ที่ขึ้นชกในศึกมวยไทยไฟต์เตอร์ X ที่เวทีมวยเยาวชนกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่ง  “ปานเพชร” โดนศอกของคู่ชก แอนโทนี่ ทีเอฟซีมวยไทย นักมวยฝรั่งเศส แพ้น็อก มีจังหวะล้มหัวฟาดพื้นอย่างแรงจนเลือดคั่งในสมอง เข้ารักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาล ยังไม่ฟื้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทีมแพทย์พยามเต็มที่ ญาติสนิท เพื่อนฝูง ครอบครัวและคนวงการมวย เผ้ารอหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับ ปานเพชร

ล่าสุดเมื่อ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ครอบครัวของ ปานเพชร ได้อัพเดทอาการของ ปานเพชร ว่า “เพิ่มเติมตอนนี้มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดรวมด้วย เกล็ดเลือดแย่ลง…ต้องเฝ้าระวังไกล้ชิดอยู่ การตื่นทรง ๆ ตัว เพราะปานเพชรไม่มีอาการตอบสนอง …แต่ไม่ได้ถือว่าแย่ลงคร่า”

ขณะเดียวกัน ในศึกมวยเพชรยินดี ที่เวทีราชดำเนิน ของค่ายเพชรยินดี “บิ๊กพงษ์” ดร.พงษ์ วิเศษไพฑูรย์ บอสใหญ่จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ร่วมให้การช่วยเหลือ จากการที่ได้รับแจ้งจาก สุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มีความปรารถนาอยากจะช่วยเหลือครอบครัวของน้องปานเพชร จะนำเงินที่ได้รับบริจาคจากฝั่งทีมงานเพชรยินดี คนวงการมวย และเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมจำนวน 6 แสนบาท มอบให้ครอบครัวของ ปานเพชร ที่มารับมอบเงินสดที่เวที และมีการเปิดรับบริจาคจากแฟนมวยที่เข้ามาชมมวยที่เวทีด้วย

นอกจากนั้น คนวงการมวยมีการพูดถึงประเด็นสำคัญกันมาก จากอุทธาหรณ์กรณี ปานเพชร ในเรื่องการเซฟนักมวยไทยที่ขึ้นชก โดยเฉพาะเรื่องการต่อน้ำหนักให้นักมวยต่างชาติ หรือแม้ต่อยในพิกัดเท่ากัน นักมวยไทยก็ไม่ได้ชกพิกัดน้ำหนักธรรมชาติที่ชกอยู่ ในการขึ้นชกกับนักมวยธรรมชาติที่รูปร่างสูงใหญ่ เพราะเกรงว่าถ้าชกพิกัดเดียวกันฟอร์มการชก ฝีมือ จะไม่สูสีกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว นักมวยไทยต่างชาติปัจจุบันนี้ มาฝึกมวยไทย อาศัยอยู่ในเมืองไทยกว่า 5-10 ปี ดังนั้นชั้นเชิงมวยไทย หรือฝีมือมวยไทย ความรู้เรื่องมวยไทย จึงไม่แตกต่างกันมาก หากมวยไทยต้องแบกน้ำหนักมาก จะเป็นอันตรายได้ง่าย เพราะเหมือนรถเก๋งชนกับรถบรรทุก สมควรให้มีการต่อยในพิกัดน้ำหนักที่ไม่เสียเปรียบกันได้แล้ว หรือแม้แต่นักมวยไทยชกด้วยกันเองก็ตาม การฟิตซ้อมต้องดี ไม่ประมาท ต้องพร้อมขึ้นชก ควรเข้มงวดเรื่องนี้ นอกจากนั้น ผู้ตัดสินบนเวทีก็ควรผ่านการอบรม หรือมีความชำนาญ มีประสบการณ์ในการช่วยเซฟนักมวยบนเวทีด้วย