ภายหลังการกลับคำพิพากษาการคุ้มครองสิทธิการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญที่มีมานานกว่า 50 ปี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ สั่งการเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้ขยายการเข้าถึงยาทำแท้ง แก่ผู้หญิงซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐที่มีการห้าม หรือจำกัดการทำแท้ง ขณะที่กลุ่มอนุรักษนิยมในรัฐเหล่านั้น มีท่าทีที่จะแสดงการคัดค้านทางกฎหมาย เพื่อห้ามประชาชนในรัฐใช้ยาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ยาทำแท้ง ซึ่งสามารถใช้ได้โดยไม่มีความเสี่ยงที่สำคัญ เพื่อยับยั้งการตั้งครรภ์ที่มีอายุได้ถึง 10 สัปดาห์ มีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการทำแท้งทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสหรัฐอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ความต้องการใช้ยามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจาก 11 รัฐของสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐทางตอนใต้ฝ่ายอนุรักษนิยม ที่บริหารโดยผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพับลิกัน จำกัดการทำแท้งอย่างเข้มงวด หรือห้ามการทำแท้งอย่างเต็มรูปแบบ โดยรัฐอื่น ๆ เตรียมที่จะปฏิบัติตาม

CGTN America

ด้าน นางรีเบคกา กอมเพิร์ตส แพทย์หญิงชาวดัตช์ ผู้ก่อตั้งองค์กร เอด แอคเซส ที่จัดหายายุติการตั้งครรภ์บนอินเทอร์เน็ต มีความมั่นใจว่า สถานการณ์ที่ผู้หญิงชาวอเมริกันกำลังเผชิญ ไม่เลวร้ายเหมือนกับเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ก่อนที่คดี “โรกับเวด ( Roe vs. Wade) เมื่อปี 2516 จะเป็นตัวกำหนดสิทธิการทำแท้งในสหรัฐ

“ยาทำแท้งไม่สามารถถูกหยุดได้” กอมเพิร์ตส กล่าว “ดังนั้น มันจะมีการเข้าถึงการทำแท้งอย่างปลอดภัยอยู่เสมอ หากผู้หญิงมีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์”

แม้คณะกรรมการอาหารและยา ( เอฟดีเอ ) จะรับรองการใช้ยาทำแท้งเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน และอนุญาตให้สั่งยาผ่านการแพทย์ทางไกล และส่งทางจดหมายได้ในปีที่แล้ว แต่การใช้ยาในรัฐที่ต่อต้านการทำแท้งยังคงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนทางกฎหมาย และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแนวหน้าของการต่อสู้คดี ที่เกี่ยวกับสิทธิการเจริญพันธุ์ในอนาคตอีกด้วย

ขณะที่รัฐฝ่ายเสรีนิยมหลายรัฐออกมาเคลื่อนไหว เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำแท้งแก่ผู้หญิงจากส่วนอื่น ๆ ของสหรัฐ มันก็มีความกลัวที่ว่า รัฐฝ่ายอนุรักษนิยมอาจดำเนินคดีกับเจ้าหน้าหน้าที่สาธารณสุข กลุ่มที่ให้การสนับสนุน หรือแม้แต่ผู้ใช้บริการ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความพยายามเหล่านี้ได้

ด้วยเหตุนี้ นายเมอร์ริค การ์แลนด์ รมว.ยุติธรรมของสหรัฐ จึงออกมากล่าวเตือน ว่าแต่ละรัฐไม่สามารถประกาศห้ามยายุติการตั้งครรภ์ ที่ได้รับการอนุญาตจากเอฟดีเอ “โดยยึดความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญจากเอฟดีเอ เกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพ” ได้ เนื่องจากกฎหมายสหพันธรัฐยึดนำมาใช้ก่อนกฎหมายมลรัฐ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในหลายรัฐที่มีการห้ามทำแท้งในทุกรูปแบบ ผู้หญิงอาจถูกห้ามจากการนัดพบแพทย์นอกรัฐที่ตัวเองอยู่ หรือแพทย์ต่างชาติ ผ่านบริการการแพทย์ทางไกล ซึ่งในกรณีเช่นนี้ พวกเธออาจต้องเดินทางไปยังรัฐอื่น ที่อนุญาตให้มีการนัดพบแพทย์ทางไกลในเรื่องการเจริญพันธุ์ และได้รับยาที่ส่งมายังที่อยู่นอกรัฐที่พวกเธออาศัย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS