กำลังโกยหัวใจแฟน ๆ ผ่านการแสดงที่เต็มไปด้วยความสดใส สำหรับ สกาย มาเรีย สาวพูดน้อยแต่มากเสน่ห์ ที่แจ้งเกิดในฐานะนางเอกเต็มตัวแบบสวยงาม จากละครโรแมนติกคอเมดี้  ที่ถูกนำมารีเมคอีกครั้ง อย่าง “หมอลำซัมเมอร์” ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” ไม่รอช้าไปพูดคุยเปิดใจสาวสกาย ถึงการแสดงครั้งนี้ รวมถึงล้วงลึกตัวตน เส้นทางในวงการบันเทิง ที่เจ้าผ่านการต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้มาหลายเวที ตั้งแต่การประกวด มิสทีน ไทยแลนด์ ต่อด้วยเวที เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ กระทั่งได้ขึ้นมาเป็นนางเอก นอกจากนี้ยังไม่พลาดอัพเดทเรื่องความรักมาฝากกันด้วย

ฟีดแบ๊ก “หมอลำซัมเมอร์” เป็นยังไงบ้าง พอใจมั้ย?

“ฟีดแบ็กดีมาก คนมาทักว่าดูหมอลำซัมเมอร์ด้วย สนุกมาก ๆ เลย เขาจะชมว่าเป็นนางเอกที่เล่นไม่ห่วงสวย พอได้ยินแบบนี้ก็หายเหนื่อยนะคะ แต่ตอนถ่ายเราก็มีความสุขอยู่แล้ว และพอออกมาแล้วทั้งภาพและแสงชุดต่าง ๆ ดีหมดเลย เราเลยแฮปปี้ ยิ่งคนดูชอบ ยิ่งมีความสุขมาก ๆ ค่ะ”

เตรียมตัวมารับท “แอนนี่” ยังไงบ้าง?

“อันดับแรกต้องทำการบ้านเกี่ยวกับบท ทำความเข้าใจคาแรกเตอร์ของ ‘แอนนี่’ และเราก็ได้รับมอบหมายมาว่าในบทต้องมีการเซิ้ง ร้องเพลง ขึ้นคอนเสิร์ต ก็มีฝึกร้องเพลงและเซิ้งไห ส่วนความยากในการมารับบทแอนนี่ ก็คือการร้องเพลง เพราะเป็นคนไม่ค่อยถนัดร้องเพลง และในเรื่องมีการร้องหมอลำ ก็ยากนิดนึง เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน แต่พอได้ไปเรียน ทำความเข้าใจก็ทำได้ ซึ่งเรื่องการร้องเพลง ด้วยความที่เพลงหมอลำนี้ เวอร์ชั่นที่แล้วเป็นแม่น้อย โพธิ์งามร้อง เลยไปเปิดดูที่แม่น้อยร้องไว้ และก็จำมาว่าเขาเอื้อนตรงไหน และเราก็เอาทั้งเพลงที่เขาทำดนตรีใหม่ของเวอร์ชั่นน้อยไปให้ครูช่วยดูด้วยและแกะออกมา และซ้อมอยู่สักพักเลยค่ะ ซึ่งการร้องก็ยากนิดนึงนะคะ แต่สกายเกิดและโตที่เมืองไทยและเป็นคนอีสานด้วย ก็จะเคยฟังเพลงลูกทุ่งมาอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก ก็จะมีความชินค่ะ”

กดดันมั้ย เพราะ “หมอลำซัมเมอร์” เป็นละครที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ มาก่อน?

“กดดันมาก ๆ เราต้องยอมรับว่ามันต้องเกิดข้อเปรียบเทียบเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเวอร์ชั่นที่แล้วก็ทำได้ดีมาก  ๆ เลย แต่คือเราต้องทำให้คนดูเข้าใจว่าเวอร์ชั่นมีความเป็นสมัยใหม่มากขึ้นแทบทั้งเรื่องเลย มีการแทรกทั้งกราฟิก มีเรื่องการส่งไลน์ การใช้ทวิตเตอร์ มีการไลฟ์สด มีการปรับบทเยอะพอสมควร แค่เราอิงเนื้อเรื่องราวที่แล้วมา และเราก็เล่นเป็นตัวเรา และทำคาแรกเตอร์ ‘แอนนี่’ ออกมาให้ดีที่สุด และนักแสดงทุกคนเล่นออกมาดีมาก ๆ ทุกอย่างมันเพอร์เฟกต์มาก เอาจริง ๆ พอออนแอร์มา ไม่มีใครพูดว่าเปรียบเทียบเวอร์ชั่นนี้กับเวอร์ชั่นก่อน ด้วยความที่ปล่อยออกมาตอนแรก ทุกคนต้องติงอยู่แล้ว แต่พอมันออนไปเรื่อย ๆ หนูว่าหลาย ๆ คนเขาเปิดใจรับ คิดว่าเขายอมรับเขาสนุก หนูก็แฮปปี้”

ส่วนตัว “สกาย” ได้ไปดูเวอร์ชั่นที่ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” แสดงเป็น “แอนนี่” มั้ย?

“ก็ไปดูมาคร่าว ๆ จริง ๆ เคยดูแล้วตอนเด็ก ๆ แต่เราไม่ได้จำเนื้อเรื่องได้ขนาดนั้น แต่เราจำเพลงได้แม่น และเรารู้อยู่แล้วว่าแม่ชมเล่นประมาณไหน ก็มีเอาแทรกด้วยไม่ได้มันหลุดกันเกินไป แต่หลัก ๆ เราก็เล่นเป็นตัวเอง และเอาความฮามาผสมด้วย เพื่อไม่ให้คนดูดูแล้วเบื่อ ด้วยความที่ตัวแอนนี่เป็นนักแสดงตัวนำเลย มันมีความกดดันนิดนึง แต่ถ้าเราเล่นเป็นตัวเองออกมา และเราเข้าใจกับบท มันก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ”

ได้เรียนรู้อะไรจากการสวมบทเป็น “แอนนี่” บ้าง ทั้งในแง่การแสดงและมุมมองความคิด?

“ทำให้หนูมีความกล้ามากขึ้น ความเขินต่าง ๆ ลดลง เพราะตัวจริงหนูค่อนข้างขี้อาย อาจอินโทรเวิร์ต (Introvert) นิดนึงแต่ ‘แอนนี่’ เขาจะพูดตลอดเวลา เฮฮาปาร์ตี้ มองทุกอย่างเป็นแง่ดี ทุกอย่างแก้ไขได้ มันก็ซึมเข้ามาในตัวเราเหมือนกันค่ะ”

“สกาย” แจ้งเกิดจากเวที “เดอะ เฟซ ไทยแลนด์” ซึ่งเต็มไปด้วยความกดดันและการแข่งขัน ส่วนตัวมองว่าได้เรียนรู้อะไรจากเวทีนั้น และหยิบประสบการณ์ตรงนั้น มาใช้ในวงการยังไงบ้าง?

“ได้เรียนรู้ทุกอย่างค่ะ เหมือนได้ลองทำมาหมดแล้ว และทุกอย่างค่อนข้างที่จะหนักมาก เอาจริง ๆ พอมาเจออะไรทุกวันนี้ มันไม่ได้หนักอีกแล้ว เหมือนอยู่ในสายเลือดไปแล้วว่าเรายังไงต้องพร้อมสู้ ยังไงก็ต้องลุย คำสอนของเมนเทอร์ก็ยังอยู่ในหัวเราตลอด เพราะเราก็ร่วมมา 2 ซีซั่นเลย ซึ่งคำสอนที่เรายึดมาตลอด คือของพี่บี (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) ที่บอกว่าทำให้ดีตอนนี้ อย่ามีแผ่ว ไม่อย่างนั้นเธอกลับมาดูทีหลังแล้วจะเสียใจนะ ก็จำเลยค่ะ ตอนนี้ใครว่าอะไรก็ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ค่ะ (ยิ้ม)”

ที่ไม่คิดมากแบบนี้ เป็นเพราะได้มาแข่งเวที “เดอะ เฟซ ไทยแลนด์” หรือว่าเป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว?

“เรายังไม่เจอดราม่าหนัก ๆ เหมือนกัน เลยยังไม่รู้แต่ข้อเปรียบเทียบเล็ก ๆ น้อย ๆ หนูก็เข้าใจว่า แต่ละคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาก็เสนอความคิดของเขามาได้ แต่อาจมีความแตกต่างกันไป ก็โอเค อันไหนที่เราคิดว่ามันใช่ก็เอามาปรับปรุง อันไหนที่คิดว่าเราไม่ใช่ ทำให้เราเสียความรู้สึก เราก็ไม่ต้องสนใจค่ะ ”

พอมาวันนี้ได้เป็นนางเอกเต็มตัว รู้สึกยังไงบ้าง มันผ่านความพยายามมาแค่ไหน?

“ผ่านมาเยอะพอสมควรนะคะ พอเข้ามาช่อง 7 เขาก็ใช้เทสต์ก่อน เล่นละครเย็น เล่นเป็นคู่สอง เราก็เทสต์มาจนเข้าตา จนเรียกมาแคสต์บท ‘แอนนี่’ ถึงได้ค่ะ คือเราก็อยากเล่นเรื่องนี้ด้วย ด้วยความที่เนื้อเรื่อง มีความอีสาน มีความเป็นวัฒนธรรม เกี่ยวกับอุบลฯ ซึ่งเชื่อมโยงกับเราหมดเลย เราเลยอยากเล่นบทนี้ให้ได้ค่ะ”

ก่อนหน้านี้เราเคยมีผลงานที่เป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กับเรื่อง “ธิดาซานตาน” ที่โดนวิจารณ์เยอะมาก ถอดบทเรียนหรือได้เรียนรู้อะไรจากตรงนั้นบ้าง และตอนนั้นมันบั่นทอนมั้ย?

“จริง ๆ เรื่องธิดาซาตาน เป็นเรื่องที่หนูชอบเหมือนกัน ดูมาตั้งแต่เด็ก พอเขายื่นมาให้เล่นก็คือรับเลย เราชอบเล่นอะไรที่มันมีพลังวิเศษอยู่แล้ว บวกกับที่เราต้องลองเล่นกับซีจีด้วย มันก็เลยอยากลอง ในเรื่องหนูต้องรับบทเป็นนักว่ายน้ำ เพราะมีพลัง ทุกอย่าง สลิง ไฟ น้ำ มาหมดเลย พอผ่านเรื่องนั้นมาได้ โดนอะไรก็ทนทานแล้วเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) และเราก็ได้ประสบการณ์ในเรื่องของเทคนิคการแสดงด้วยค่ะ ไม่ได้รู้สึกบั่นทอนเลยค่ะ กลับกลายเป็นดีใจด้วยซ้ำที่ทุกคนจำได้”

พอเข้ามาในวงการมา 10 ปีแล้ว มีท้อกับการทำงานในวงการบ้างมั้ย เหมือนบางครั้งทำงานแต่ก็ยังไม่ถึงที่หวังสักที?

“หนูเข้าวงการมาตั้งแต่ปี 2011 จากเวทีมิสทีน ไทยแลนด์ เราก็ไปเรื่อย ๆ เบื่ออันนี้ก็ไปอันโน้น ลองหยิบจับใหม่ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังรอ และหวังว่าต้องมีสักวันที่เป็นของเรา (ยิ้ม) แต่ละวันถึงเราท้อ กลับไปบ้านพักมันก็หายเหนื่อย แต่เราอยากทำอยู่ตลอด ใครให้โอกาสมาก็พร้อมที่จะทำ ทุกคนมีท้ออยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ท้อแบบไม่อยากทำแล้ว ซึ่งกำลังใจสำคัญของสกาย ก็คือครอบครัวด้วย คือชีวิตนึงอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อยากมีผลงานให้คนอื่นได้เห็นค่ะ อยากให้คนที่บ้านดูละครเราแล้วเห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ”

ใช้ชีวิตในวงการมาเป็นสิบ ๆ ปี มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากที่สุด?

“จริง ๆ ทุกวันนี้มีความก้าวหน้าจากก้าวแรกแรกมาเยอะมาก ๆ แต่ก่อนไม่กล้าพูดกับใครด้วยซ้ำ ไม่กล้าทำอะไรเลย ต้องมีคนคอยผลัก ไปไหว้คนนี้สิ เราก็แบบไม่เอาไม่พูดกับใคร ทุกวันนี้เราเห็นความแตกต่าง เพราะมันผ่านหลายอย่าง โดนเยอะมาก (หัวเราะ) จนเปลี่ยนเป็นอีกคน เรารู้สึกว่าก็โตขึ้นเยอะมาก ๆ ค่ะ”

เป็นคนเก็บตัว “อินโทรเวิร์ต” ขี้อาย แต่ทำไมอยากทำงานในวงการ ทำงานแสดง ที่อาจต้องเจอคนเยอะ ๆ?

 “มันอยากทำเอง ทุกวันนี้ถ้าเจอคนเยอะ ๆ ก็ยังมีแพนิก มีประหม่าอยู่บ้าง แต่เราอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุดเหมือนกัน มันเหมือนมีสองบุคลิกอยู่ในตัวเองค่ะ (หัวเราะ) พอเวลาไม่ได้ทำงานจะเป็นเหมือนอีกคน แต่พอได้รับมอบหมายว่าบทนี้ทำแบบนี้ ๆ ก็จะเป็นทำยังไงให้มันออกมาเพอร์เฟกต์”

มีมุมมองกับการแข่งขันในวงการยังไง?

“ถ้าเราจะเลือกแบบไม่แข่งกับใคร เราคงเลือกไม่ได้ เพราะคนในวงการนี้เยอะมาก ๆ ก็ต้องตอบแบบเบสิกแหละค่ะ ว่าต้องแข่งกับตัวเอง ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ดีกว่า”

มีอะไรที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นบ้างมั้ย?

“ก็เริ่มแรกที่เข้ามา อยากลดความขี้อายของตัวเอง ลดความเกรงใจลงบ้าง คือเวลาทำอะไร เราชอบคิดมากเกินไป จนทำให้เราไม่กล้าทำอะไรค่ะ ตอนนี้ก็ออกจากเซฟโซนนิดนึง (ยิ้ม)”

อยากประสบความสำเร็จในวงการยังไง?

 “ก็อยากได้สักรางวัลนึง คือชีวิตนี้ที่ประกวดหรือแข่งอะไรมา ก็ยังไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย (หัวเราะ) สักวันก็ต้องมีถ้วยหรืออะไรสักอย่างที่เป็นของเราค่ะ จริง ๆ ณ วันนี้หนูคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จ คิดว่ายังอีกไกล นี่แค่เริ่มต้นค่ะ”

อัปเดทเรื่องความรัก หัวใจยังว่างมั้ย?

“หัวใจว่างค่ะ มันอยากรอนิดนึง ให้ตัวเองแน่ใจก่อนว่าต้องการอะไร ชอบแบบไหน ซึ่งจริง ๆ ก็มีคนเข้ามาจีบ แต่บางอย่างเรารู้สึกว่าไม่ใช่ ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่ก็เปิดใจค่ะ”

คนชนะใจได้ต้องเป็นยังไง?

“จริง ๆ ชอบคนที่เที่ยวเก่ง คือตอนทำงานก็ตั้งใจทำงานและเวลาเที่ยว ไลฟ์สไตล์คือชอบเที่ยวต่างประเทศ ไปโน่นนี่ตลอด ต่อให้อยู่ประเทศไทย วันหยุดเราก็ต้องชวนกันไปคาเฟ่ ถ่ายไปถ่ายรูปเล่น ก็น่าจะยากอยู่ ที่ชอบถ่ายรูปให้เรา (ยิ้ม) เรื่องอายุก็ต้องดูก่อนค่ะ”

ในฐานะนางเอกที่แฟนคลับ เราจะบาลานซ์ความรักและงาน กับการรักษาฐานแฟนคลับยังไง?

“ถ้าหนูมีและชอบคนนั้น ทุกอย่างโอเค หนูคิดว่าแฟนคลับก็ต้องเปิดใจ เขาก็น่าจะเข้าใจว่าหนูเลือกคนที่ใช่แล้วจริง ๆ”

เป็นคนพูดไม่เก่งแบบนี้ ชอบคนที่เข้ามาจีบเราก่อน หรือชอบไปจีบเขาก่อน?

“ส่วนมากคนที่เข้ามาจีบเรา เราก็จะชอบระแวงไว้ก่อน ว่าเขาต้องการอะไร เขามาดีรึเปล่า และเราเลือกที่จะไปจีบเองมากกว่า เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องการอะไรจากเขา เหมือนเราเป็นคนขี้ระแวงนิดนึง ส่วนถ้าใครแนะนำให้เรา เราก็ต้องดูก่อนว่าใครเป็นคนแนะนำ (หัวเราะ) ซึ่งเรื่องความรักคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้หวงเลย ถ้าหนูชอบใคร เขาก็ชอบด้วย เพราะเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหนูก็สกรีนหนักพอสมควรค่ะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้เร่ง บอกแค่ให้เราใช้ชีวิตให้มันคุ้มก่อน อย่าเพิ่งไปมีเลย”

นิยาม “ความรัก” ในแบบ “สกาย” เป็นยังไง?

“คิดว่าเราไม่ต้องการให้ใครมาเติมเต็มอะไรเรา เขาต้องเต็มของเขาอยู่แล้ว และเราก็เต็มของเรา แค่มาอยู่ด้วยกันแล้วแฮปปี้ แค่นี้ค่ะ ความรักคือความสุข”

ท้ายสุดพูดถึงความประทับต่อแฟนคลับหน่อย?

“ก็จะมีคนที่ติดตามมาตั้งแต่ประกวดมิสทีน และก็ติดตามจากเดอะเฟซ เขาก็ติดตามมาตลอด บอกว่าดูอยู่นะ พี่สู้ ๆ นะ หนูรู้ว่าพี่พยายามมาตลอดอยุ่แล้ว บางคนก็บอกว่าในที่สุด สกายก็มาถึงนี้แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันยังมีคนคอยมองเราอยู่ตลอด ก็ขอบคุณจริง ๆ มันรู้สึกไม่โดดเดี่ยว รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่ที่คนมองเห็นค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ ที่คอยเป็นกำลังใจให้สกายตลอด ทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนต์ ใจมันฟู มันได้กำลังใจ ไม่ว่าจะเจอใครว่าอะไร แต่สกายก็ไปโฟกัสที่คนที่ชอบเรา ให้กำลังใจเรา และก็อยากฝากผลงาน ‘หมอลำซัมเมอร์’ อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้แอนนี่ด้วย สกายงัดความสามารถของตัวเองตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้มาอยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว ฝากติดตามทุกวันพุธ พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7HD นะคะ”

แม้ “สกาย” จะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสดใส ที่แฝงไปด้วยความสตรอง ไม่คิดยอมแพ้ และเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีวันที่นางเอกสาวจะได้สักรางวัลตามที่เธอหวังไว้

เรื่อง : วันวิสาข์ ดอกเงิน