หลังจากรับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ตัวเขาที่เป็นผู้นำพรรคสายกลางจะต้องพิสูจน์ว่า คู่ควรกับตำแหน่งสูงสุดในระยะยาว เมื่ออิสราเอลเตรียมจัดการเลือกทั่วไป ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี

หลังการยุบสภา นายลาพิด ซึ่งเป็น รมว.ต่างประเทศอิสราเอล ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เนื่องด้วยข้อตกลงแบ่งสรรปันอำนาจกับนายนาฟตาลี เบนเนตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยลาพิดจะรับหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้ง หรืออาจนานกว่านั้น หากไม่สามารถตั้งรัฐบาลผสมได้

“ต่อให้พวกเราจะมีการเลือกตั้งในอีกไม่เดือนข้างหน้า ความท้าทายต่าง ๆ ที่พวกเราต้องเจอ จะไม่หยุดรอเรา” นายลาพิด กล่าวขณะที่ยืนข้างนายเบนเนตต์ ในการประกาศยุบรัฐบาลผสมของพวกเขา ซึ่งดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาภายใน และการสูญเสียเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำ

American Jewish Committee

จากท่าทีที่ดูเหมือนเริ่มรณรงค์หาเสียง ลาพิดลงรายการปัญหาเร่งด่วนต่าง ๆ ที่เขาเห็นในอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาค่าครองชีพสูง ภัยคุกคามความมั่นคงในฉนวนกาซา, เลบานอน และอิหร่าน รวมถึงการต่อต้าน “อำนาจที่พยายามเปลี่ยนอิสราเอล ให้เป็นประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย”

นอกจากนี้ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายลาพิดจะได้รับเกียรติในการเตรียมต้อนรับการมาเยือนของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ในเดือนนี้ และเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ในเดือน ก.ย. อีกด้วย

เมื่อพูดถึงปัญหาหลักในความขัดแย้งอันยาวนานของอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ มีการวิเครราะห์ว่า นายลาพิดสามารถจัดการด้วยมุมมองที่เป็นกลางมากกว่าผู้นำคนก่อน ซึ่งเขาก็แสดงถึงความมุ่งมั่นหาทางแก้ไขปัญหาระหว่างสองฝ่าย แต่เขายังคงมีความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ในบางประเด็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ต้องการกลับมาดำรงแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 6 นั้น เขาจะโจมตีคู่ปรับของเขาในเรื่องความมั่นคงที่อ่อนแอ โดยเฉพาะประเด็นของอิหร่านและการก่อการร้าย ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับนายลาพิด ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เขาสามารถปกป้องอิสราเอลจากศัตรู และส่งเสริมความสามัคคีปรองดองภายในประเทศได้

ทั้งนี้ รัฐบาลที่รวมพรรคอิสลามอาหรับเป็นครั้งแรก ได้รับคำชมจากทั่วโลกสำหรับการรวมกลุ่มในยุคของเผ่าพันธุ์นิยมทางการเมือง ซึ่งความสำเร็จได้รวมถึงการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ถึง 2 ครั้ง, การผ่านงบประมาณแรกของอิสราเอลในรอบมากกว่า 3 ปี และยกระดับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ โดยเฉพาะในโลกอาหรับ

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้ นายลาพิด ยืนยันการทำงานด้วยความมุ่งมั่น เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองที่เหนือความคาดหมายอีกครั้ง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า หลังการเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาจะยังคงกุมบังเหียนแห่งอำนาจได้.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS