เผด็จการไทยฉลาดเป็นกรด สร้างวาทกรรมฝังแน่นแบบที่ รมต. รัฐบาลทหาร 3 ป. ชอบกล่าวหาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยว่า ถูกล้างสมองมีการ “ฝังชิพ” เอาไว้กดปุ่มควบคุมระบบคิดให้ “ชังชาติ” ก็คงมีคนเชื่อรวมทั้ง “สื่อ” เองที่ถูกฝังชิพ เพราะช่วงนี้เห็นสื่อชอบตบท้ายว่า ที่สุดไม่ว่าฝ่ายประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็มุ่งแก้ รธน. เพื่อตัวเองทั้งนั้น อยู่หลายช่อง

ฟังดูเป็นตรรกะที่โคตรใช่เลย (ไม่หยาบ) รัฐธรรมนูญถูกฉีกมานับสิบ ๆ ครั้ง ใครฉีก แต่จริงหรือ ไม่มีอะไรแตกต่างระหว่าง รัฐบาลเผด็จการ (ทหาร) กับ รัฐบาลประชาธิปไตย เลยหรือ

ไม่ต้องพูดถึงรัฐธรรมนูญอัปยศ 2560 (ของ คสช.) ที่ ส.ส.พปชร. กล้าเย้ยฟ้าท้าดินว่า “เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างมาเพื่อพวกเราโดยเฉพาะ” เอาแค่กรณีล่าสุด ที่ยังอัปยศได้อีก อย่างที่รู้ทั้งที่มีการไขรัฐธรรมนูญให้ระบบเลือกตั้งมีบัตร 2 ใบ ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คนไปแล้ว ตั้งแต่ต้นจน (เกือบ) จบ สูตรปาร์ตี้ลิสต์ คือ ต้องหาร 100 เพื่อยึดโยงกับบัตร 2 ใบ

แต่ 2 วันสุดท้าย ทุกสื่อลงข่าวตรงกันหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งสัญญาณให้พรรคร่วมระบอบประยุทธ์และ ส.ว.ลากตั้ง 250 คน พลิกเกมเล่นสกัด “แลนด์สไลด์” พรรคเพื่อไทย เพราะกลัวผลจาก “ชัชชาติเอฟเฟกต์” จะทำให้แพ้เลือกตั้งใหญ่ ทั้งที่กฎหมายลูกของรัฐบาลที่ กกต. (ในกำกับรัฐบาล) เป็นผู้เสนอเองแท้ ๆ ก็หาร 100 …ไม่ได้ห่วง “ไส้ติ่ง” ส.ส.พึงมีซักนิด

ถามง่าย ๆ เลย นี่ ทำเพื่อผลประโยชน์ใคร แก้กติกาเข้าข้างตัวเองแบบทุเรศทุรัง ซ้ำซาก เพียงหวังสืบทอดอำนาจ เขียนด้วยมือ ขยี้ด้วยเท้า ขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่สน หรือไม่ ถามต่อว่า สมมุติเป็นรัฐบาลเพื่อไทย จะได้มั้ย รวมทั้ง “ประชาธิปัตย์” ที่ ส.ส. ส่วนใหญ่เทให้สูตรหาร 500 ในนาทีสุดท้าย เพราะกลัวแพ้เป็นฝ่ายค้าน เลยต้องกอดขาเผด็จการต่อไป ใช่หรือไม่

คิดสิ คิดแม้แต่ ไพบูลย์ นิติตะวัน ยังคิดได้

การตบท้ายของสื่อเพื่อหา “ความชอบธรรม” ให้ระบอบประยุทธ์ ได้แถไปน้ำขุ่น ๆ ไม่เห็นหัวประชาชน ฉีกหลักการตัวเองทิ้งด้าน ๆ โดยยกวาทกรรม “อัปยศ” ข้างต้นมาอ้าง จะโดยเต็มใจหรือมีวาระซ่อนเร้น จึงล้วนสนับสนุน “การสืบทอดอำนาจ” ของเผด็จการทหารให้อยู่ยั้งยืนยงทั้งสิ้น

หันมาดูการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง ล่าสุด เมื่อ นายเดชทวี ศรีวิชัย จากพรรคเสรีรวมไทยที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นหัวหน้าพรรค สามารถโค่น นายวัฒนา สิทธิวัง จากพรรคเศรษฐกิจไทย แบบ “ถล่มทลาย” 53,971 ต่อ 29,928 คะแนน ได้เป็น ส.ส.เขตคนแรกของพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน (มีข่าวนักร้องหิวแสงไปร้อง กกต.ว่า มีร้องเพลงชู 1 นิ้วในร้านอาหาร ถือเป็นมหรสพ ผิด รธน. เอาเข้าไป) แต่สาเหตุแลนด์สไลด์ ก็น่าสนใจอยู่ดี

ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตอาจารย์นิด้า สรุปสาเหตุหนึ่งว่า เพราะกระแสนำในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนต้องการการ เปลี่ยนแปลง และอารมณ์นี้มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเข้าสู่ภาวะเป็ดง่อย ยากที่จะผลิตนโยบายใหม่ ๆ ที่จูงใจคนได้อีก แม้จะยิงกระสุนก็จะเจอกระแสเป็นแรงต้าน ส่วน ไพศาล พืชมงคล คนใกล้ชิดป้อม-ประวิตร ชี้ว่า ผลเลือกตั้งที่ลำปางบอกชัดว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งเปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนมี “ฉันทามติ” ไม่เลือกพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล จะกดดันประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย อย่างหนักหน่วง (จริงหรือ…) คนจะเลือกผู้สมัครหรือพรรคเพื่อให้ได้นายกฯ ที่ต้องการ

ขณะ ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมบอกว่า “ผมเข้าใจแล้วว่าพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงและผมก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน” จะดีจะชั่ว ผู้กองนัสก็ยืดอกรับแมน ๆ ดีกว่า “อีกคน” อย่างเห็นได้ชัด..นะจ๊ะ

การทิ้งท้ายแบบนี้ ย่อมมีผลต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ที่พรรคฝ่ายค้านจะเริ่มเปิดฉากถล่มรัฐบาล 3 ป. วันที่ 19-22 ก.ค.นี้แน่นอน ผู้กองนัสจะเปลี่ยนแบบไหน คอยดูกัน

ทั้งหลายทั้งปวง ณ ตอนนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ผู้นำพูดไว้สวยหรูที่ไหนสักแห่ง อาจกำลังจะเกิด ก็อย่าได้หยามประชาชน แต่สื่อบางคนนี่สิ ยังพอใจจมปลักเป็น “บัวใต้น้ำ” ตลอดกาล.

——————–
ดาวประกายพรึก