นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส ได้ร่วมกับ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด พัฒนาโซลูชั่น อี-แฟคโตรี่ (e-F@ctory) ที่พร้อมให้บริการกับโรงงาน เพื่อยกระดับ และเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในภาคการผลิตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งการเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต ด้วยการใช้งานผ่าน 5จี ในรูปแบบเครือข่ายเฉพาะ (Private Network) ซึ่งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ความเร็ว ลดความหน่วง เพื่อการรองรับการทำงานไอโอทีได้อย่างเต็มรูปแบบ

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย

“โซลูชั่นสามารถสนองการทำงานที่แตกต่าง และเหมาะกับสถานการณ์ โควิด-19 ที่การทำงานแบบระยะไกล มีความสำคัญมากขึ้นช่วยให้ ผู้บริหาร จนถึงผู้ดูแลเครื่องจักร สามารถตรวจสอบสถานะการผลิต ได้จากทุกที่แบบเรียลไทม์ ลดระยะเวลาการเข้าไปหน้างานเพื่อตรวจสอบหรือซ่อมบำรุ่งหรือตรวจสอบ มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแบบทางไกล ผ่านโมบาย เน็ตเวิร์กได้ทันที”

นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยนับว่าเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกมาอย่างยาวนาน ในวันนี้ถึงเวลาที่ต้องนำเทคโนโลยีโซลูชั่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพเพื่อรักษาตำแหน่งนี้ไว้ ไม่ให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังทีประเทสอื่นๆ บริษัทได้พัฒนาโซลูชั่น และนำไปใช้งานจริงแล้วมากกว่า 10,000 โซลูชั่นทั่วโลก ความร่วมมือครั้งนี้ก็ทำให้การใช้งานจริงเกิดขึ้นในประเทศไทย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโรงงานและระบบการผลิตในอนาคต

ด้านนางกัลยาณี คงสมจิตร ประธานบริหาร บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโรงงานในไทยมีจำนวนน้อย มีเพียงบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น ที่สามารถทรานส์ฟอร์เมชั่นนำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับการผลิต ส่วนใหญ่นยังเป็นอุตสาหกรรม 2.0 และ 3.0 จึงจำเป็นต้องเร่งยกระดับ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยมีปัจจัยที่สำคัญ 4 เรื่อง คือ 1.คน 2. เครื่องจักร 3. ระบบ และ 4. เงินทุน ซึ่งการร่วมมือของทั้งสามบริษัทจะช่วยให้โรงงานต่างสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนำไปใช้งานได้ตามรูปแบบและความต้องการของโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ได้เข้าไปสนับสนุนในทุกโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ อาหารแปรรูป และสิ่งทอ ฯลฯ