นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทั้ง โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก  และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยรัฐบาลจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในทุกมิติ ซึ่งโครงการ อีอีซี ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญเร่งด่วน รัฐบาลทำงานเพื่อวันนี้และอนาคต รองรับโลกยุคใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงการพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตหลายประเทศว่า หลายประเทศมีความสนใจที่จะมาร่วมลงทุนในประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือในการที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ จึงขอให้ทุกหน่วยติดตามและทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง รวมทั้ง ขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบความถึง ผลงานและความก้าวหน้าของอีอีซี โดยเฉพาะประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่และทั้งประเทศจะได้รับจากโครงการอีอีซี  สำหรับแก้ไขปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการลงทุนในอีอีซีช่วง 4 ปี มีโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติแล้วคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท ถือเป็น 94% ของเป้าหมายการลงทุนในอีอีซี 1.7 ล้านล้านบาท ทั้งการลงทุนโครงการร่วมลงทุนรัฐ – เอกชน ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งได้ผู้ลงทุน 4 โครงการหลัก มูลค่ารวม 633,401 ล้านบาท การออกบัตรส่งเสริมการลงทุน 878,881 ล้านบาท และงบบูรณาการ ปี 61-64 อนุมัติไปแล้ว 8.2 หมื่นล้านบาท