นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เตรียมจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนาม ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ส.ค. 2564 แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศจึงเห็นชอบที่จะดำเนินการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมภายในประเทศตามความเหมาะสม โดยเน้นการจัดกิจกรรมที่จะช่วยสานต่อความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับกิจกรรมสำคัญในโอกาสฉลองครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนาม ในส่วนประเทศไทยนั้น วธ.มีแนวทางจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ วธ. ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่ครอบคลุม 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบ (Fashion) มวยไทย (Fighting) และการอนุรักษ์และขับเคลื่อนเทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival) ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ วธ.จึงร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อทำการวิจัย (Research University Network : RUN) ดำเนินโครงการร่วมกันภายใต้ชื่อ “Bilateral Culture (Thai-Vietnam) to Creative Industry สื่อสองวัฒนธรรมไทย-เวียดนาม เพื่อมุ่งสู่การเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นศึกษาข้อมูลกลุ่มเป้าหมายชาวเวียดนามต่อสินค้าและบริการด้านวัฒนธรรมของไทย และเผยแพร่ข้อมูลความรู้ในลักษณะกิจกรรมสาระและความบันเทิง (Edutainment) ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ผ่านทางช่องทางออนไลน์

นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามนั้น ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย กำหนดจัดกิจกรรม ที่ Hanoi Opera House ในวันที่ 6 ส.ค.2564 แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้เลื่อนการจัดกิจกรรมดังกล่าวออกไปก่อน อย่างไรก็ตามการดำเนินงานความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่สำคัญในปีแห่งการฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนามนั้น คือ การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี 2564–2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาให้เนื้อหาของร่างบันทึกความเข้าใจฯ หากทั้งสองประเทศเห็นชอบร่วมกันแล้วจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และพิจารณาเรื่องการจัดการลงนามในโอกาสต่อไป