ย้อนไปสมัยเรียนของ “เสือสมุทร” ในช่วงมัธยมปลาย วันๆ เอาแต่เตะบอล ดูหนัง ไม่ค่อยช่วยทางบ้านทำงานสักเท่าไหร่
แต่ได้มาเจอเรื่องราวหนึ่งของนักเรียนหญิงชั้น ม.6 ที่มีจิตใจงาม อาสาช่วยเหลือผู้เดือดร้อนมาโดยตลอด
คิดในใจตอนนั้น เราไม่คิดจะทำประโยชน์ให้สังคมบ้างหรือ
ว่าแล้ว “เสือสมุทร” จะพาไปพบกับเรื่องราวของน้อง ม.6 น้ำใจงามกันเลยดีกว่า
ไปกันที่ วัดเสาธงหิน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังชาวบ้านบอกว่า มีเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลาย สวมใส่ชุดนักเรียน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยไวยาวัจกร นำสวดมนต์และทำหน้าที่เผาศพผู้เสียชีวิต
เมื่อไปถึงได้เจอกับ ‘น้องน้ำหวาน” น.ส.จันจิรา จันทร์แย้ม อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย กำลังทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจดี
ขณะที่ชาวบ้านที่เข้ามาใช้บริการของทางวัด ต่างชื่นชมในความมีจิตอาสาและความดีในสิ่งที่น้องนำหวานทำ
น้องน้ำหวาน บอกว่า เจ้าหน้าที่เผาศพของวัดเสาธงหินไม่มีประจำ ตนจึงขอวิชาความรู้มาจากพี่ต๋องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฌาปนสถาน (สัปเหร่อ) ของวัดบางรักใหญ่ มาใช้ในการเผาศพให้วัดเสาธงหิน ซึ่งตนช่วยเหลือทางวัดเสาธงหินมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดแรกๆ
รู้สึกยินดีและดีใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือทางวัด ขณะเดียวกัน ตนก็จะไม่ทิ้งการเรียนอย่างแน่นอน สิ่งที่ตนทำอยู่ตอนนี้ทางอาจารย์ที่โรงเรียนก็ทราบแล้วว่า ตนคอยช่วยเหลือทางวัดอยู่ และอยากให้ทุกคนที่กำลังเรียนอยู่ขอให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ส่วนขั้นตอนในการเผาศพ คือ 1. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่หลังเมรุเพื่อเตรียมสำหรับเผาศพ 2. รอศพผู้ปวยโควิด-19 มาเตรียมเปิดประตูเตาเผา 3.ทำการขอขมาศพ 4.ทำการเผาศพ 5.เก็บอัฐิ
การเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตนรู้ว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่ตนก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะทุกครั้งที่ทำพิธีเผาศพผู้ป่วยโควิด-19 ตนป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งนี้ตนเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่เกี่ยวกับการเผาศพแต่อย่างใด
พระครูปลัดไพฑูรย์ ฐิตาวิทูโร เจ้าอาวาสวัดเสาธงหิน กล่าวว่า น้องน้ำหวานเริ่มมาช่วยงานทางวัดเสาธงหินตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงแรก โดยมาช่วยงานทุกอย่าง เช่น การอาราธนาศีล อาราธนาธรรม รวมถึงการเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก่อนหน้านี้ น้องน้ำหวานเคยบวชชีพราหมณ์มาก่อน จึงมีพื้นฐานในการอาราธนาศีล และอาราธนาธรรม
นิสัยส่วนตัวของน้องน้ำหวาน อาตมาคิดว่าเป็นเด็กดี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าตัวเองจะลำบากแค่ไหน ซึ่งอาตมาไม่เคยให้น้องน้ำหวานเสียการเรียน และจะสอนน้องน้ำหวานเสมอว่า การเรียนนั้นจะต้องมาก่อนเสมอ ส่วนการช่วยเหลือสังคมให้ตามมาทีหลัง
ถึงแม้ว่า ครอบครัวของน้องน้ำหวานไม่ได้ร่ำรวย หาเช้ากินค่ำ รายได้มาจากการขายกล้วยปิ้ง แต่ทุกคนในครอบครัวของน้องก็ช่วยกันทำมาหากิน ถ้าหากที่วัดไม่มีการฌาปนกิจศพ น้องน้ำหวานก็จะไปช่วยเหลือพ่อแม่ขายกล้วยปิ้ง แบ่งเบาภาระของครอบครัวไปได้เยอะ
“อยากฝากถึงเด็ก เยาวชน วัยรุ่น ทุกคน ให้มองน้องน้ำหวานเป็นแบบอย่างในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีการแบ่งเวลามาช่วยเหลือสังคม จะทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น ส่วนการฌาปนกิจศพของวัดเสาธงหินนั้น จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่มีการแบ่งชน ชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ทุกอย่างฟรีหมด” เจ้าอาวาส กล่าว
เรื่องราวของ ‘น้องน้ำหวาน’ นับเป็นต้นแบบของเยาวชนผู้มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งเบาภาระครอบครัวอย่างแท้จริง.
……………………………………..
คอลัมน์ “คนดีของสังคม”
โดย “เสือสมุทร”
ข้อมูล-ภาพ “สมคิด ลือประดิษฐ์” ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ จ.นนทบุรี
อ่านเรื่องราว “คนดีของสังคม” ได้ที่นี่