นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสได้ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ของปี 64 มีรายได้รวม อยู่ที่ 42,757  ล้านบาท ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ อยู่ที่ 7,041 ล้านบาท

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง 1.5% เทียบกับปีก่อน และ 0.9% เทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค  จึงได้นำเสนอแพ็กเกจมือถือในระดับราคาต่ำลงเพื่อให้กลุ่มคนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อน้อยเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5จี หลังจากที่ ได้ขยายเครือข่าย 5จี ครบ 77 จังหวัด  ปัจจุบัน  มีผู้ใช้บริการ 5จี แล้วกว่า 1 ล้านราย โดยปรับเป้าหมายฐานลูกค้า 5จี ใหม่สู่ 2 ล้านรายภายในปีนี้

ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เติบโต 21% เทียบกับปีก่อน และ 6.2%เทียบกับไตรมาสก่อน ด้วยความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ ทั้งการทำงานที่บ้านและการเรียน ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา เอไอเอสไฟเบอร์มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 104,000 ราย โดยปัจจุบันเอไอเอส ไฟเบอร์มีลูกค้ารวม 1,535,900 ราย

ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คิดเป็น 13% เทียบกับปีก่อน จากความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ปรับการดำเนินธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างการเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยมีความต้องการใช้บริการโซลูชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Cybersecurity และ ICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

“เรายังคงมีความเชื่อว่า ดิจิทัลเทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูประเทศได้ไม่ว่าจะอยู่ในเงื่อนไขใดก็ตาม เพราะฉะนั้นภายใต้สถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากมายและแม้ผลประกอบการของปี 64 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด แต่ เอไอเอส ยังคงไม่หยุดที่จะลงทุนเพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เข้าถึง และครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ พร้อมที่จะเชื่อมต่อภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถทรานฟอร์มตัวเองสู่โลกใหม่ได้ตลอดเวลา แนวคิดการทำงานที่มุ่ง เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย ยังถูกส่งมอบให้กับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการพารอด ที่ช่วยร้านค้ารายย่อยให้มีช่องทางและโอกาสเข้าถึงลูกค้า เอไอเอส การให้ลูกค้าโทรฟรีเลขหมายฉุกเฉิน แพ็คเกจหนุน SMEs ในด้านต่างๆ และที่สำคัญกับการสอดประสานร่วมกับภาคสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง เพื่อใช้ศักยภาพรวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ของเรานำพาบุคลากร องค์กร ลูกค้า พันธมิตร สังคม และประเทศ ก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปพร้อมกัน” นายสมชัย กล่าว