ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำคณะผู้แทน OIC นำโดย Mr.Yousef Mohammed S.Aldobeay ผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายการเมืองของ OIC Mr. El Habib Bourane ผู้อำนวยการกองชุมชนและชนกลุ่มน้อยของมุสลิม Ms. Ibrahim Patou เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองระดับชำนาญการ และ นายดามพ์ บุญธรรม อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา ลงพื้นที่ วัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อพบปะเจ้าอาวาสวัด ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และพูดคุย แลกเปลี่ยน ตลอดจนสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นของคนในพื้นที่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม


Mr.Yousef Mohammed S.Aldobeay ผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายการเมืองของ OIC กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ได้มาพบกับท่านเจ้าอาวาส ได้รับรู้ถึงแนวทางความตั้งใจ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในบทบาทขององค์การความร่วมมืออิสลาม มีประเด็นหนึ่งที่เรากำลังพยายามดำเนินการคือการสร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชนมุสลิม และที่ไม่ใช่มุสลิมในทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ การเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะในครั้งนี้ เพื่อมาเรียนรู้ มาสัมผัสกับบรรยากาศของชุมชนมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมในพื้นที่ ตลอด 2 วัน ในการลงพื้นที่ หลังจากที่ได้เข้าหารือรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย มีความมั่นใจว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีการพูดคุย เจรจา ปรองดอง มีการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างทุกฝ่ายในพื้นที่ในขณะเดียวกันทางเรา ก็ไม่มีความมุ่งหวังและไม่ปรารถนา ที่จะให้บางฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองมามีส่วนในการสร้างความแตกแยก ทำลายความดีงาม และยิ่งไปกว่านั้นทราบว่าภายใต้รัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทยให้ความอิสระเสรีแก่ประชาชน ทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติ ในการปฏิบัติศาสนกิจ ในการมีสิทธิอันชอบธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่ OIC ตระหนัก องค์การความร่วมมืออิสลาม พร้อมที่จะส่งเสริมให้เราทุกฝ่าย ร่วมมือกันเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง

อย่างไรก็ตาม วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อพระยาวิเชียรภักดีศรีสงครามย้ายที่ว่าการอำเภอหนองจิกจาก ที่เก่า มาอยู่ที่ตำบลตุยง เมื่อ พ.ศ. 2388 เดิมมีชื่อว่า “วัดตุยง” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองหนองจิก และมีพระราชศรัทธาบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างพระอุโบสถ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดมุจลินทวาปีวิหาร” ปัจจุบันเป็นอารามหลวงและมีการบูรณะพระอุโบสถให้อยู่ในสภาพที่มั่นคง โดยวัดแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงของ จังหวัดปัตตานี คนในพื้นที่ทั้งไทยพุทธ มุสลิมและศาสนาอื่นๆ อยู่ร่วมกันอย่างเรียบง่าย สงบสุข ภายใต้สังคมพหุวัฒธรรม เมื่อมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในวัด เช่น วันเด็ก ก็จะเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่แบ่งแยกและให้การช่วยเหลือกิจกรรมซึ่งกันและกันมาอย่างต่อเนื่อง