เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่านายรัฐมนตรีสั่งการให้ทีมที่ปรึกษา คณะทำงาน รวมทั้งตัวแทนภาคเอกชน ร่วมกันจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษเร่งด่วน 20-25 ล้านโด๊ส เป็นวัคซีนของสปุตนิก วี กับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยไม่ต้องผ่าน กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และองค์การเภสัชกรรม รวมถึงให้นำเข้ามาภายในไตรมาส 3 นั้น ถือเป็นเรื่องดีที่นายกฯ พยายามหาทางนำวัคซีนเข้ามาในไทยให้ได้จำนวนมากที่สุดและไวที่สุด แต่การนำวัคซีนเข้ามาโดยไม่ต้องผ่าน 3 หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ถูกตั้งข้อสังเกตที่ตนขอฝากให้นายกฯ พิจารณา คือ 1.การที่นายกฯ สั่งให้นำวัคซีนเข้ามาโดยไม่ผ่านกระทรวงสาธารณสุข แสดงว่าระบบการบริหารจัดการการนำเข้าวัคซีนที่ผ่านมา มีปัญหาใช่หรือไม่ ปัญหาคืออะไร และนายกฯ จะมีแนวทางแก้ปัญหานี้อย่างไร เพื่อให้ระบบปกติทำงานได้โดยไม่มีอุปสรรค 2.องค์กรอื่นๆ ที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีน สามารถทำเหมือนที่นายกฯ ทำได้หรือไม่ อย่างไร
นายองอาจ กล่าวอีกว่า 3.นายกฯ จะดำเนินการอย่างไรให้การจัดสรรวัคซีนเป็นไปอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม เพราะแม้แต่การจัดสรรวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคมา ซึ่งควรจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นหลักยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบุคลากรทางการแพทย์ถึงการจัดสรรที่ไม่เป็นธรรม ขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน รอคอยการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว เพราะถ้าเราฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้วิกฤติโควิด-19 ทุเลาเบาบางลง จึงขอให้นายกฯ ทำเรื่องการนำเข้าวัคซีนและการจัดสรรวัคซีนให้กระจ่างสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นอย่างทั่วหน้า เพื่อนำพาการแก้ไขโควิด-19 ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง