เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทน ศปปส. เดินทางมายื่นหนังสือ และเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่อนายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขอให้พิจารณาถึงพฤติกรรมการกระทำผิด (ซ้ำ) ของกลุ่มผู้ต้องหามาตรา 112 ซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ และหรือถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกันตัวก็ร้องขอให้ศาล เพิกถอนการประกันตัว
โดยนายจักรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้เรามายื่นหนังสือในประเด็นเดิมที่เราเคยยื่นมาหลาย ๆ ครั้ง แต่ไม่ค่อยเป็นผล จึงมาตอกย้ำ และกระตุ้น สืบเนื่องจากที่มีการจัดการชุมนุมของกลุ่มเรียกร้องทางการเมืองต่าง ๆ ทั้งเยาวชนปลดแอก ธรรมศาสตร์ และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาแกนนำทั้ง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ล้วนเป็นผู้ต้องหามาตรา 112 มีคดีติดตัวทั้งนั้น ทุกวันนี้มีหลักฐานมากมาย ทั้งทางสื่อ ทางโซเชียล ขอถามศาลว่าหลักฐานยังไม่พออีกหรือ ทุกคนเห็นอยู่แล้ว
นายจักรพงศ์ กล่าวว่า ม็อบพวกนี้ออกมาทำให้สังคมวุ่นวาย กระทบภาคเอกชน ทำข้าวของเสียหาย ซึ่งภาคเอกชนก็ออกมาประกาศชัดเจนว่าคนพวกนี้เป็น “ม็อบสถุล!” ก่อความวุ่นวาย ทำของภาครัฐ เอกชน สาธารณะเสียหาย สิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่วิธีสันติ และมีการประกาศออกมาว่าจะทำสงครามหรือไม่ มันเป็นแนวโน้มหรือข้ออ้างโดยตรง โดยอ้อมก็แล้วแต่ มันสมควรแล้วหรือไม่ การที่บอกว่าเป็นปัญญาชน เป็นนักศึกษา คำว่านักศึกษาควรที่จะศึกษาไม่ใช่เอาเฟคนิวส์ และเอาสิ่งต่าง ๆ มาครอบคลุม และทำให้เยาวชนที่อายุน้อยกว่า ได้ข้อมูลผิด ๆ
“….วันนี้ผมได้นำภาพหลักฐานต่าง ๆ ที่สอดคล้อง และน่าจะเพียงพอต่อการเพิกถอนการประกันตัว เราเป็นภาคประชาชนที่ออกมารวมตัวกันเป็นพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ นั้น ไม่สามารถมีอำนาจทำอะไรได้มาก ทำได้แค่นี้ แต่ในเมื่อกฎหมายบ้านเมืองเรายังศักดิ์สิทธิ์ไม่เท่ายุคสมัยปัจจุบัน ก็ควรได้แล้ว เพราะการออกมาชุมนุม เห็นชัดอยู่แล้วว่าบางคนติดไวรัส และมีผู้ป่วยเข้าร่วมในการชุมนุม จำทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ มันถูกต้องที่คุณบอกว่ารัฐบาลทำงานไม่เต็มที่ แต่เราเอาวิกฤตินี้มาปรับปรุง และแสดงความคิดเห็นให้ประเทศไทยเราไปได้ก่อนดีกว่าหรือไม่ ดีกว่ามาสร้างความแตกแยก ให้แกนนำหาข้อดีข้อเสียของแต่ละฝ่ายมาพูดออกมา ไม่ใช่มีแต่ยุยงปลุกปั่น ใช้ความรุนแรง มันไม่ใช่วิธีของยุคสมัยนี้…”
เมื่อถามว่าการยื่นหนังสือถึงศาล และการแจ้งความ ปอท.ดูเหมือนว่าอาจจะไม่มีความคืบหน้า จะมีการยกระดับการเคลื่อนไหวอย่างไร นายจักรพงศ์ กล่าวว่า คำว่ายกระดับเราจะไม่ทำเหมือนพวกเขา แต่เราจะเปลี่ยนวิธีไปเรื่อย ๆ ให้เห็นว่าผลที่ออกมาเป็นไปในด้านไหน จะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ออกนอกกฎระเบียบกฎหมาย จะทำตามกติกาทุกช่องทาง ถึงจะช้าแต่ก็จะทำ ดังนั้นการมายื่นศาลเพื่อเรียกร้องให้ผู้อำนาจพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่กับการที่เราไปยื่นหนังสือ ถ้าเห็นว่าชัดเจนก็ช่วยทำงานให้เร็วขึ้น เราไม่ได้กดดันศาล
ด้าน นายนพดล พรหมภาสิต เลขาฯ ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ศชอ. ได้ไปที่ ปอท.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพริษฐ์ ในข้อหามาตรา 112 และการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ หลักฐานเชิงประจักษ์ชัด ซึ่งเราได้นำหลักฐานการแจ้งความมาประกอบกับการยื่นหนังสือ เพื่อให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวผิดเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล ซึ่งชัดเจนมาก เราทำงานเป็นระบบ ไม่มีการกลั่นแกล้ง ผลที่เกิดขึ้นมาจากการการกระทำของเขาเอง สิ่งที่เขาทำก็ต้องได้รับผลตามนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น. กลุ่ม ศปปส.จะไปยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากระทรวงสาธารณสุข เพื่อถามหาความชัดเจนในการดูแลประชาชนช่วงโควิด-19 รวมถึงแผนการกระจายวัคซีน และการควบคุมสถานการณ์การระบาดในการชุมนุม