สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2565 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการกำหนดวันเชิงสัญลักษณ์ เพื่อใช้ในการรณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้น้อมรำลึกและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำบาดาลและร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานในการร่วมดูแล รักษา ปกป้องทรัพยากรน้ำบาดาลให้เกิดความยั่งยืนตลอดไป

ทั้งนี้ วันน้ำบาดาลแห่งชาติ มีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จำนวน 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด เป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรได้ตลอดทั้งปี โดยทั้ง 15 โครงการ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ขอนแก่น กาฬสินธุ์ นครพนม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี และพัทลุง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 143,000 คน หรือ 37,600 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ 557,000 ไร่ ปริมาณน้ำรวม 11.13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ช่วยประชาชนประหยัดรายจ่ายกว่า 500 ล้านบาทต่อปี จากการมีบ้านน้ำดื่มบริการฟรีของทุกโครงการ

วันที่ 3 เม.ย.2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบของโครงการและแต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นเวลาหลายสิบปี และเป็น 1 ใน 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้ชื่อว่าเป็น “อีสานภาคกลาง” เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบเชิงเขาและเป็นพื้นที่เงาฝน ไม่มีระบบชลประทาน ประชาชนในตำบลต้องจ้างรถบรรทุกน้ำสำหรับใช้อุปโภคบริโภคมากกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันประชาชนตำบลหนองฝ้าย ได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 11,600 ครัวเรือน หรือ 58,000 คน พื้นที่ได้รับผระโยชน์กว่า 300,000 ไร่ ปริมาณน้ำรวม 2.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้


นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาล ครม.และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. การกำหนดให้วันที่ 3 เม.ย.ของทุกปีเป็นวันน้ำบาดาลแห่งชาติ ทำให้มองเห็นว่าน้ำบาลมีความสำคัญ มีความจำเป็นและมีปริมาณมากมายมหาศาลทั้งปริมาณและคุณภาพ เป็นน้ำที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้ใช้ประโยชน์ทั้งการอุปโภคบริโภค เพราะเป็นน้ำที่สะอาด และใช้แก้ปัญหาภัยแล้ง ที่สำคัญ ยังเป็นน้ำต้นทุนสำหรับภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรและประโยชน์ด้านต่างๆ ให้กับคนไทยทั้งประเทศ


“การกำหนดให้วันที่ 3 เม.ย.ของทุกปีเป็นวันน้ำบาดาลแห่งชาติ เป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบ“โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” และจะทำให้ประชาชนตระหนักในประโยชน์ของน้ำบาดาล และใช้น้ำบาดาลอย่างรู้คุณค่าควบคู่ไปกับการอนุรักษ์น้ำเพื่อที่จะทำให้น้ำบาดาลอยู่คู่กับคนไทยไปตลอดกาล” นายศักดิ์ดา กล่าว