โครงการ “อัคนีบาท” หรือที่แปลว่า เส้นทางแห่งไฟ มีไว้สำหรับพลเมืองอินเดียทั้งชายและหญิง ซึ่งมีอายุระหว่าง 17 ปี 6 เดือน ถึง 21 ปีบริบูรณ์ โดยพวกเขาจะต้องเข้ารับการฝึกในวิชาทหารเป็นเวลา 4 ปี แต่หลังจากนั้น จะมีเพียง 25% ที่จะเข้าประจำการต่อไป
อย่างไรก็ดี รัฐบาลกลางอินเดียประกาศขยายช่วงอายุของของการเกณฑ์ทหารในปีนี้เป็น 23 ปีบริบูรณ์ เนื่องจากการเกณฑ์ทหารที่ถูกระงับตั้งแต่ช่วงเริ่มการระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลให้ผู้สมัครทหารเกณฑ์หลายล้านคนต่างไม่พอใจ ด้วยความกลัวว่าพวกเขาอาจมีอายุเกินที่จะเข้าร่วมกองกำลังป้องกันประเทศได้
การประกาศมาตรการปฏิรูปมีจุดประสงค์ เพื่อลดรายจ่ายเงินเดือน และเงินบำนาญที่พอกพูนของกองทัพ ซึ่งใช้ไปมากกว่าครึ่งของงบประมาณ และเป็นการเพิ่มเงินทุนเพื่อทำให้กองทัพทันสมัยมากขึ้น โดยรัฐบาลของอินเดียกล่าวว่า สิ่งนี้จะ “ยกระดับอายุเฉลี่ยของกองทัพ” อีกด้วย
โครงการดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนายพลและผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมของอินเดีย ที่กล่าวว่า มันสามารถทำให้โครงสร้างของกองทัพอ่อนแอลง และอาจมีการแยกสาขาอย่างร้ายแรงสำหรับความมั่นคงของชาติได้ โดยเฉพาะเมื่ออินเดียมีพรมแดนที่ตึงเครียดติดกับ 2 ประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน และจีน
ทั้งนี้ หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่สุด คือ ชะตากรรมของเหล่าทหารเกณฑ์ หลังจากที่พวกเขาสิ้นสุดกำหนดการฝึกฝน 4 ปี ท่ามกลางอัตราการว่างงานของอินเดียที่สูงขึ้นจากพิษการระบาดโรคโควิด-19 ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
แม้รัฐบาลอินเดียจะมองหาวิธีคลายความกลัว ด้วยการประกาศว่าทหารเกณฑ์ 75% จากระบบอัคนีบาทที่ถูกปลดประจำการ จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการเข้าทำงานอื่น ๆ เช่น กองกำลังตำรวจกลาง และอัสสัมไรเฟิลส์ ซึ่งเป็นหน่วยทหารของอินเดีย แต่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารหลายคนต่างมีข้อสงสัย
เนื่องจากพวกเขากังวลว่ามันอาจผลักดันให้คนหนุ่มสาวต้องเจอกับชีวิตที่ผิดหวัง และโอกาสในการทำงานอันน้อยนิด อีกทั้งยังมองว่า ระยะเวลา 4 ปี เป็นช่วงเวลาที่สั้นเกินไปในการปรับตัวต่อระเบียบวินัยทางทหาร และสัญญาจ้างระยะสั้นยังมีความเสี่ยงของการฝึกอาวุธให้กับคนรุ่นเยาว์หลายพันคนอยู่ด้วย
กระนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะคัดค้านมาตรการใหม่ อดีต พล.ต.เอสบี อัสฐนา กล่าวว่า ขั้นตอนเช่นนี้จะให้ประโยชน์ต่อกองทัพ เนื่องจากมันจะช่วยทำให้กองทัพอินเดียทันสมัยมากขึ้น เพราะ “มันเป็นเรื่องยากที่จะฝึกคนเก่าในเทคโนโลยีปัจุบัน แต่คนรุ่นใหม่มีความสามารถมากกว่า และระบบนี้จะให้อิสระต่อกองทัพ เพื่อดึงทหารที่ดีที่สุดไว้ 25% และปลดประจำการส่วนที่เหลือไป”.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
