เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวผ่านเพจ “กระทรวงสาธารณสุข” ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการติดเชื้อโควิด-19 สะสม 199 ล้านราย เป็นช่วงขาขึ้นของการระบาดสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) โดยเฉพาะช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 4-6 แสนราย เสียชีวิตสะสม 4.2 ล้านราย คิดเป็นอัตรา 2.13% ทั้งนี้ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคสหรัฐ เปิดเผยว่าจากากรเก็บข้อมูลในผู้ป่วย 469 ราย พบว่า 74% เป็นผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนครบโด๊สแล้ว โดยพบว่า 90% เป็นสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งสามารถผลิตไวรัสเมื่อเข้าไปในร่างกายคนได้ใกล้เคียงกัน ทั้งคนที่ฉีดและไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้น การป้องกันตนเอง รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก และล้างมือบ่อย เป็นวิธีการที่ดีที่สุด

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า หรับสถานการณ์ในประเทศไทย วันนี้ (2 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 17,970 ราย แต่มีผู้รักษาหายเพิ่ม 13,919 ราย ยังเหลือรักษาที่ 208,875 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 75,705 ราย รพ.สนามและอื่นๆ อีก 133,170 ราย ส่วนผู้ที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation) ประมาณ 5 หมื่นกว่าราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต 178 ราย สะสม 5,074 ราย คิดเป็นอัตรา 0.84% โดยสถานการณ์ในปัจจุบัน สัปดาห์ที่ 30 พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ผู้หายป่วยก็เพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยใหม่เยอะกว่าผู้หายป่วย ทั้งนี้ตัวเลขสถานการณ์จริงทั้งการติดเชื้อและเสียชีวิตใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ 20% ซึ่งหากเพิ่มประสิทธิภาพการล็อกดาวน์เป็น 25% ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงค่อนข้างมาก จึงขออีก 2 สัปดาห์ หลังล็อกดาวน์จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด ถ้าสามารถกดลงมาได้ประสิทธิภาพของเพิ่มอีก 5% ลักษณะการติดเชื้อ การป่วยหนัก และเสียชีวิตจะลงมาในระดับควบคุมได้ต่อไป ขอให้อยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อเพื่อเราทุกคน

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์เตียงทั่วประเทศมีการขยายเตียงดูแลโควิดได้ถึง 185,417 เตียง เป็นต่างจังหวัด 143,758 เตียง และ กทม. 41,659 เตียง มีการครองเตียงแล้ว 70-80% โดย กทม.สูงเกือบ 90% เตียงทุกระดับมีการนอนแทบเกิน 80% ขึ้นไปทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนเกินกว่านี้เราต้องอาศัยการดูแลที่บ้านและชุมชน เพื่อเชื่อมต่อระบบบริการไปดูแลที่บ้านได้ในคนอาการน้อย ถ้าอาการมากขึ้นก็เข้าระบบ รพ. สำหรับการฉีดวัคซีนขณะนี้สะสม 17,866,526 โด๊ส ถือว่าฉีดได้ค่อนข้างดี พยายามฉีดเพื่อลดอัตราป่วยหนักและตาย เราพบคนเสียชีวิตจากรายงาน 75-80% เป็นสูงอายุมีโรคเรื้อรัง จึงฉีดในกลุ่มนี้เพื่อลดอัตราป่วยหนักและเสียชีวิตต่อไป

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามการเคลื่อนย้ายรถและการเดินเท้า หลังประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้วพบว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่าง กทม.และชลบุรี ปีที่แล้ว สามารถลดลงได้ 80 กว่า % ส่วนปีนี้ทำได้เพียง 70 กว่า % ต้องขอความร่วมมือเพื่อให้ความเสี่ยงลดลง เชื้อโรคจะไม่มีที่ไปต่อ ถ้าลดการเดินทาง เชื้อโรคก็ลดโอกาสแพร่เชื้อ ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ สายพันธุ์เดลตา 1 คน ติดได้ 8 คน จากเดิมติดได้แค่ 3 คน ถือว่าเชื้อไวรัสเก่งขึ้น 3 เท่า ดังนั้นต้องเข้มงวดลดโอกาสแพร่เชื้อ คือ ต้องไม่รวมตัวกัน ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด ลดเวลาและจำนวนวันที่ไปตลาด ลดเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ทำอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ ถือเป็นเวลาทองใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าร่วมมือเต็มที่ ถ้ายุติชะลอการแพร่ระบาดได้เราก็จะปลอดภัยกันทั้งสังคม.