นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การแข่งขัน 2 รายการใหญ่ที่จะเกิดขึ้นถือเป็นครั้งแรกที่สมาคมฯ จะได้เป็นเจ้าภาพรายการระดับอาเซียน 2 รายการติด คือ ทั้งเยาวชนและรุ่นใหญ่ จากปกติจะแยกประเทศจัดทั้ง 2 รายการ แต่ด้วยสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ไม่มีชาติใดพร้อมจัด ซึ่งตนในฐานะเป็นประธานสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งอาเซียน มองเห็นแล้วว่าประเทศไทย มีความพร้อมและมีศักยภาพพอและไม่ให้การจัดแข่งขันต้องถูกเลื่อนไปอีก จึงขอรับเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันทั้ง 2 รายการ
“สมาคมฯ ยังคงเลือกใช้สนามแข่งขันภายในไอส์แลนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นสังเวียนแข่งขัน ล่าสุด ตอนนี้เราพร้อมทุกด้านแล้วและการชิงชัยเยาวชนอาเซียน จะเริ่มต้นขึ้นในวันถัดไปนี้เลย แม้จะห่างหายการเป็นเจ้าภาพระดับนานาชาติมานานถึง 3 ปี ด้วยสถานการณ์โควิด แต่เชื่อว่ามาตรฐานที่ทั่วโลกไว้ใจการเป็นเจ้าภาพของปิงปองไทย ไม่มีตกแน่นอน โดยรายการเยาวชน จะมีประเทศในอาเซียนเข้าร่วม 7 ประเทศ ส่วนรุ่นใหญ่มีชาติเข้าร่วม 8 ประเทศ ซึ่งรายการเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน จะนำประเภททีมชายและทีมหญิง แชมป์และรองแชมป์ ผ่านเข้าไปแข่งขันรายการเยาวชนชิงแชมป์โลก ต่อไป ส่วนของรุ่นใหญ่ จะเป็นการคัดเอาผู้เล่นที่ผลงานดีที่สุด 16 คน ชาย-หญิง ไปคัดเลือกต่อในโซนเอเชีย เพื่อควอลิฟายเข้าร่วมรายการชิงแชมป์โลกปี 2023 ต่อไป” นายกตูน กล่าว
ประมุขลูกเด้งไทย เผยต่อว่า ในรุ่นใหญ่ก็หวังให้นักกีฬารักษามาตรฐานความเป็นเจ้าอาเซียนจากซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา ไว้ต่อไปให้ได้ ซึ่งทราบดีว่าแต่ละชาติที่แพ้ไทยไปจะต้องกลับไปแก้ไขปรับปรุงผลงานเพื่อกลับมาล้างตาไทยให้ได้แน่ ส่วนรุ่นเยาวชน ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่ได้มีแมตช์แข่งมานาน ส่งผลให้ยังไม่เห็นหน้าตาหรือผลงานของคู่แข่งชาติอื่นๆ อีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงของการถ่ายเลือดใหม่ของนักปิงปองเยาวชนไทย จึงตั้งเป้าให้ทัพนักกีฬาเยาวชนทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดเอาไว้ก่อน