ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย จ.เลย นายชัยธวัช เนียมสิริ ผวจ.เลย, นายนที พรมภักดี นอภ.ด่านซ้าย, นายถาวร เชื้อบุญมี (เจ้าพ่อกวน), นายประสงค์ จันทศร นายกเทศบาลตำบลด่านซ้าย, นายจริยาทร สูหู่ ผอ.ททท.เลย, ดร.ณัณธิญาจ์ มังคละคีรี วัฒนธรรม จ.เลย ร่วมแถลงข่าว การจัดงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน และหน้ากากนานาชาติ ปี 2565

นายจริยาทร กล่าวว่า งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เป็นงานประเพณี ของชาว อ.ด่านซ้าย จัดขึ้นหลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค. ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ว่าจัดขึ้นตั้งแต่ยุคใด ชาวบ้านในพื้นที่ได้ปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ งานบุญประเพณีและการละเล่นผีตาโขน ประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดเลย นำงานบุญหลวง หรือ บุญผะเหวด งานบุญบั้งไฟ งานบุญซำฮะ (สะเดาะเคราะห์บ้านเมือง) และการละเล่นผีตาโขนมารวมเป็นงานเดียวกัน เพื่อเป็นการบูชาอารักษ์หลักเมือง และพิธีการบวงสรวงดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์

สำหรับ งานบุญประเพณีและการละเล่นผีตาโขน และหน้ากากนานาชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 65 ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อรอนักท่องเที่ยวมาสัมผัส ชม วัฒนธรรมการละเล่นผีตาโขนที่มีที่เดียวในโลก ในวันแรกวันที่ 1 ก.ค. พิธีบวชพราหมณ์ พิธีเบิกพระอุปคุต ตักบาตร พิธีบายศรีเจ้าพ่อกวน เจ้ามานางเทียม ขบวนแห่เจ้าพ่อไปวัดโพนชัย และขบวนผีตาโขน ชมการแสดงหน้ากากนานาชาติ จากกระทรวงวัฒนธรรม ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จีน เกาหลีใต้ และไทย การประกวดผลงานหน้ากากผีตาโขน ประเภทอัตลักษณ์งดงาม ประกวดแข่งขันวาดหน้ากากผีตาโขน ประเภท จิตวิญญาณสร้างสรรค์

วันที่ 2 ก.ค. ขบวนแห่เจ้าพ่อกวน เจ้ามานางเทียม คณะพ่อแสน ขบวนเทิดพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 ขบวนพระเวสสันดร ขบวนผีตาโขนกว่า 3,000 ตัว ไปยังวัดโพนชัย และการประกวดหน้ากากผีตาโขน ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ส่วนวันที่ 3 ก.ค. เป็นวันสุดท้ายของงาน เป็นการฟังเทศน์มหาชาติ ชาวบ้านจะมานั่งฟังธรรมภายในอุโบสถวันโพนชัยตั้งแต่เช้ามืด รวม 13 กัณฑ์ เพื่อเป็นการสร้างกุศล เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตเป็นอันเสร็จพิธี

นักท่องเที่ยวที่พลาดวันที่ 1-3 ก.ค. สามารถชมขบวนผีตาโขนได้อีก วันที่ 4-6 ก.ค. ที่วัดศรีภูมิบ้านนาหอ วันที่ 7-9 ก.ค. ที่วัดศรีสะอาดบ้านหนามแท่ง และ วันที่ 9-10 ก.ค. ที่วัดโพธิ์ศรีบ้านนาเวียงใหญ่ ชื่องาน “งานไหลผีตาโขน”