สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ว่านายซาอีด คาทิบซาเดห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ เกี่ยวกับเหตุการณ์เรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม “เมอร์เซอร์ สตรีท” ติดธงชาติไลบีเรีย บริหารงานโดยบริษัทโซดิแอกของอิสราเอล ถูกโจมตี ระะหว่างกำลังแล่นอยู่ในทะเลนอกอาณาเขตของโอมาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นลูกเรือชาวสหราชอาณาจักรและชาวโรมาเนีย ว่า “รัฐไซออนิสต์” กำลังพยายามปัดความรับผิดชอบ ด้วยการกล่าวหาผู้อื่น “โดยปราศจากหลักฐาน”

ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล ยืนกรานว่า อิหร่านมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการกระทำที่ "ขี้ขลาด" ตอกย้ำคำกล่าวของนายยาอีร์ ลาพิด รมว.กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งยืนกรานว่า อิหร่านเป็นผู้ลงมือ แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือเมอร์เซอร์ สตรีท "ไม่ใช่ครั้งแรก" โดยเรือบรรทุกสินค้าและเรือบรรทุกน้ำมันของทั้งฝ่ายต่างถูกโจมตีเป็นระยะ นับตั้งแต่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ เมื่อปี 2561 และกลับมาเดินหน้าใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อรัฐบาลเตหะราน 
ด้านบัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ ( เซนต์คอม ) ซึ่งมีขอบเขตการปฏิบัติงานครอบคลุมตะวันออกกลางและเอเชียกลาง ออกแถลงการณ์ว่าได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวัตถุระเบิด เดินทางไปบนเรือเมอร์เซอร์ สตรีท  เพื่อร่วมตรวจสอบความเสียหาย สนับสนุนภารกิจการตรวจสอบหาสาเหตุ และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ลูกเรือ เบื้องต้นเซนต์คอมตั้งสมมติฐานว่า ร่องรอยความเสียหาย เป็นผลจากการโจมตีด้วยโดรน แต่ยืนยันว่ายังต้อง "สอบสวนอย่างละเอียด".

เครดิตภาพ : AP