ฟุตบอลยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ไฮไลท์ให้พูดถึงกันมากมายเหลือเกินครับ…
    
ที่สเปน กับเกมนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด เกือบตกบัลลังก์จ่าฝูงในทางตรงก่อนถึงเส้นชัย เคราะห์ดีได้ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูชัยนาทีที่ 88 ช่วยให้ทีมเฉือน โอซาซูนา 2-1 ขณะที่ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด บุกตบ แอธเลติก บิลเบา ยังตามหลัง 2 แต้ม ต้องไปลุ้นแชมป์กันในเกมสุดท้าย 
    
ขณะที่ บาร์เซโลนา ตกม้าตายแพ้ เซลตา บีโก คาบ้าน 1-2 หลุดวงโคจรลุ้นแลมป์ไปก่อนใคร

ส่วนที่อังกฤษ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี คว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร  ด้วยการเฉือน เชลซี 1-0 พร้อมกับภาพความประทับใจที่ “คุณต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลงไปฉลองร่วมกับนักเตะ และมอบความสำเร็จนี้แด่คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรผู้ล่วงลับผู้เป็นบิดา 
    
แต่ไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด น่าจะหนีไม่พ้น “ลูกโหม่ง” ของ อลิสซอน เบคเกอร์ ซึ่งทำเอาโซเชียล มีเดีย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแทบระเบิด!

ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน การเติมขึ้นมาสะบัดโขกลูกเตะมุมจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เสียบหน้าต่างเสาไกล ชนิดกองหน้ายังอายของนายทวารทีมชาติบราซิล ขณะที่ตัวเลขบนหน้าจอนาฬิกาดิจิทัล ขยับไปที่ถึงนาทีที่ 94.18 ซึ่งเกินเวลา 4 นาทีที่ผู้ตัดสินที่ 4 ชูป้ายไปแล้วนั้น นอกจากจะเป็นประตูชัยให้ทีมชนะแล้ว มันยังเป็น 3 คะแนนสำคัญที่ทำให้ “หงส์แดง” ยังเกาะติดลุ้นท็อปโฟร์ต่อไปใน 2 เกมสุดท้ายของซีซั่น
    
ว่ากันด้วยเรื่องของสถิติก่อน ประตูเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ อลิสซง กลายเป็นผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ทำประตูได้ในเกมอย่างเป็นทางการ 

นอกจากนี้ เขายังนายทวารคนที่ 6 ที่ทำประตูได้ในเกมลีกสูงสุดยุคพรีเมียร์ลีก แต่เป็นคนแรกที่ทำประตูด้วยลูกโหม่ง หลังก่อนหน้านี้ทั้ง ปีเตอร์ ชไมเคิล (แอสตัน วิลลา, 2001), แบรด ฟรีเดล (แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2004), พอล โรบินสัน (ทอตแนม ฮอตสเปอร์, 2007), ทิม โฮเวิร์ด (เอฟเวอร์ตัน, 2012) และ อัสเมียร์ เบโกวิช (สโตค ซิตี, 2013) ล้วนเป็นการทำประตูด้วยเท้า
    
แต่ที่ว่ามาทั้งหมด มือกาว” หงส์แดง” เป็นคนเดียวที่ทำประตูชัยให้ทีมชนะ…!

ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่ว่ามา ทำให้ประตูของ อลิสซง ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีความ “พิเศษ” และเป็น “ดราม่า” แบบไม่ต้องสงสัย และว่ากันว่านี่อาจเป็นโมเมนต์ที่เป็นที่จดจำที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ 
    
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่สำคัญ “ที่สุด” สำหรับประตูชัยของ อลิสซง มันคือการ “ต่อลมหายใจ” ในการลุ้นท็อปโฟร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของ “หงส์แดง” ในเวลานี้ 
    
ชัยชนะในเกมเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้ “หงส์แดง” ยังเกาะติดพื้นที่ 4 อันดับแรก โดยพวกเขาตาม เลสเตอร์ ซิตี ทีมอันดับ 3 อยู่ 3 คะแนน และตาม เชลซี ทีมอันดับ 4 แต้มเดียว โดยที่เหลือเกมอีก 2 นัด ที่สำคัญคือ “จิ้งจอกสยาม” กับ “สิงห์สำอาง” มีคิวตัดแต้มกันเองเสียด้วยในเกมรองสุดท้ายช่วงกลางสัปดาห์นี้ 
    
หาก ลิเวอร์พูล เก็บ 6 แต้มเต็มได้ใน 2 เกมที่เหลือ ทั้งการบุกเยือน เบิร์นลีย์ และรับมือ คริสตัล พาเลซ ในนัดปิดซีซั่น (ซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง) พวกเขามีโอกาสสูงที่จะแซงโค้งปาดหน้าเข้าป้าย
    
ขอแค่อย่าสะดุดขาตัวเองไปเสียก่อนเท่านั้น ประตูของ อลิสซง จะเป็นยิ่งกว่าประตูแห่งความทรงจำ…
               
ผยองเดช