ซึ่งมีการจัดทำขึ้นเพื่อรณรงค์ให้สังคมไทย โดยเฉพาะ “ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ได้ตระหนักเกี่ยวกับการ “ดื่มอย่างรับผิดชอบ” ด้วยการ “ไม่ขับขี่เมื่อดื่ม” ซึ่งการเปิดตัวแพลตฟอร์มดังกล่าวนี้มีขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้…

นี่ถือเป็นอีกความพยายามของหลายภาคส่วน…

ในการรณรงค์ให้สังคมไทย “ตระหนักถึงปัญหา”

“ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบ” เมื่อมีการดื่ม

ทั้งนี้ เกี่ยวกับ “แพลตฟอร์มรณรงค์เพื่อลดปัญหาจากการดื่มแล้วขับ” ดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่างสถาบันสหประชาชาติเพื่อการอบรมและวิจัย (UNITAR), กองบัญชาการตำรวจนครบาล และภาคธุรกิจเอกชนคือดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) ซึ่งร่วมกันผลักดันแพลตฟอร์มนี้ในไทยโดยหวังให้เกิดการตระหนักถึง “ผลกระทบจากการดื่มแล้วขับ” ในชื่อโครงการ Wrong Side of the Road ที่เป็นอีกส่วนของความพยายาม “ลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ” ในไทย ด้วยการส่งเสริมความรู้ รวมถึงนำ “บทเรียนชีวิตของผู้ที่เมาแล้วขับ” และ “เหยื่อเมาแล้วขับ” มาเป็น “กรณีศึกษา”

สะท้อนถึง “ผลลัพธ์ร้ายแรงจากการเมาแล้วขับ!!”

สำหรับรายละเอียดของแพลตฟอร์มนี้ ทาง ภูนีต นารัง ผู้บริหารภาคธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ข้อมูลผ่านเวทีเสวนาออนไลน์ไว้ว่า… แพลตฟอร์มดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นประชาชนทั่วไปช่วงอายุ 20-35 ปี และผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ ทั้งผู้ขับขี่รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญในสถานที่ต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัย สถานีขนส่ง ตลอดจนวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โรงงาน ในการประชาสัมพันธ์โครงการ-แพลตฟอร์มนี้ โดยตั้งเป้าผู้ที่เข้ามาเรียนรู้ “การดื่มแบบมีความรับผิดชอบ” ผ่านแพลตฟอร์มนี้ จำนวน 250,000 คน ภายในปี 2573 หรือเฉลี่ยประมาณ 30,000 คนต่อปี

นอกจากนั้น ผู้ให้ข้อมูลแพลตฟอร์มคนเดิมยังได้ระบุถึงรูปแบบของแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road ไว้อีกว่า… เป็น แพลตฟอร์ม e-learning แบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่พัฒนามาจากผลสำรวจพฤติกรรมของคนไทย ซึ่งทางเอกชนรายนี้ได้สำรวจและรวบรวมจากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน เพื่อประมวลและชี้ให้เห็นว่าคนไทยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดื่มแล้วขับได้ด้วยการเรียนรู้ผลเสียด้วยตัวเอง โดยแพลตฟอร์มนี้ได้นำ “เรื่องราวจริงของกรณีดื่มแล้วขับ” มานำเสนอ ผ่านคำบอกเล่าจาก นทีเทพ บุนนาค อดีตนักแสดงที่เคยเป็นข่าวจากกรณีดื่มแล้วขับ และ ราชาวดี ใจหงิม เหยื่ออุบัติเหตุจากการโดยสารรถยนต์ของผู้ที่ดื่มแล้วขับ โดยเชื่อว่าจะมีส่วนทำให้กลุ่มผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิดการ “เปลี่ยนแปลงทัศนคติ”

ซึ่งเมื่อ… “เรียนรู้ผลเสียด้วยตัวเอง” จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น

จะช่วยทำให้เกิดรูปแบบ “ดื่มอย่างรับผิดชอบ” เพิ่มขึ้น

แพลตฟอร์ม e-learning แบบอินเตอร์แอคทีฟ Wrong Side of the Road ที่เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรต่าง ๆ หลายภาคส่วน นอกจากจะมีการใช้รณรงค์ในประเทศไทยแล้ว ก็ยังได้มีการเปิดตัวเพื่อใช้รณรงค์ในอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ อิตาลี อินเดีย สเปน เม็กซิโก โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้านความยั่งยืน Society 2030 : Spirit of Progress เพื่อให้ผู้คนเกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ เกิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับการดื่มแล้วขับ เพื่อ “ลดปัญหาจากการเมาแล้วขับ” โดยมีเป้าหมายในการเข้าถึงผู้คนทั่วโลกให้ได้มากกว่า 5 ล้านคน…

“การเปิดตัวโครงการนี้ในไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการลดปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ด้วยการรณรงค์ให้มีความรับผิดชอบ โดยมี https://drinkdriving.drinkiq.com ที่สามารถเข้าไปศึกษาเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้น”…เป็นหลักใหญ่ใจความอีกส่วนจากที่ทางผู้บริหารภาคธุรกิจเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road ระบุไว้

ขณะที่ทางผู้บังคับใช้กฎหมาย ทางรองผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล ก็ได้สะท้อนเพิ่มเติมถึง “ปัญหาอุบัติเหตุเมาแล้วขับในไทย” ไว้อีกว่า… กรณี “เมาแล้วขับ” ยังคงเป็นหนึ่งใน “สาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน” ในประเทศไทย โดยจากสถิติช่วงปีใหม่และสงกรานต์ที่ผ่านมา…แม้กรณีอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วจะเป็นอันดับ 1 แต่เมาแล้วขับก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากเป็นอันดับ 2 ซึ่ง “อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ” นั้นเป็นเรื่องที่ “สามารถป้องกันได้ หากตระหนักถึงความสูญเสียและความเดือดร้อนกับตนเองและผู้ใช้ถนนร่วมกัน” โดยที่การสร้างความตระหนักในเรื่องนี้นั้น…จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกัน และก็จำเป็นต้องมีแผนรณรงค์ในระยะยาว…

“การที่หลายภาคส่วนช่วยกันสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยบนท้องถนน ในฐานะตัวแทนตำรวจก็รู้สึกดีใจ ซึ่งแพลตฟอร์ม Wrong Side of the Road นี้ก็จะถูกใช้สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลจากการดื่มแล้วขับให้ประชาชนรับรู้ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนนต่อไป” …ทาง รอง ผบช.น. ระบุไว้

“โควิด” ที่ว่าร้าย…เอาเข้าจริง เมาแล้วขับร้ายกว่า!!”

จะเทศกาลหรือไม่ใช่เทศกาลก็ ทำให้ตายกันอื้อ”

“ความรับผิดชอบ” นี่ ถือเป็นวัคซีนที่จะต้องมี”.