นายขจร ศรีชวโนทัย ผวจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า ปัจจุบันสมุทรสงคราม มีเกษตรกร 187 ราย หันมาปลูกทุเรียนไว้ตามร่องสวนรวมพื้นที่ประมาณ 178 ไร่ และให้ผลผลิตที่ดี ทำให้ทุเรียนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างรายได้ไม่น้อยไปกว่าส้มโอและลิ้นจี่ เช่น นายเอกชัย เทียนไชย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.บ้านปราโมทย์ อ.บางคนที ซึ่งปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองไว้ 214 ต้น ให้ผลผลิตแล้ว 10 ต้น ประมาณ 150 ลูก โดยนายเอกชัย ปลูกทุเรียนมาแล้วกว่า 10 ปี เนื่องจากลิ้นจี่ให้ผลผลิตไม่แน่นอน จึงทดลองนำทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์ก้านยาว มาปลูกแซมตามร่องสวนเป็นรายแรกของ จ.สมุทรสงคราม

ผลปรากฏว่านอกจากจะให้ผลผลิตดีแล้ว ทุเรียนยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆไม่ฉุนจัด เนื้อนุ่มละเอียด เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ รสชาติหอมหวานมันอร่อย ที่ผ่านมานายเอกชัย จำหน่ายทุเรียนหมอนทองลูกละ 1 พันบาทขึ้นไป ส่วนพันธุ์ก้านยาวขายได้ลูกละ 5 พันถึง 2 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามปีนี้เนื่องจาก จ.สมุทรสงคราม ได้มีการจัดงานกาชาดเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือครอบครัวที่เปราะบาง ผู้ประสบสาธารณภัย ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ นายเอกชัย เทียนชัย จึงได้นำทุเรียนพันธุ์หมอนทอง 10 ลูก มอบให้จังหวัดนำไปจัดประมูลเพื่อนำรายได้มอบให้เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสงคราม

ทั้งนี้ในวันที่ 2 มิ.ย. เวลา 10.00 น. จ.สมุทรสงคราม จะจัดให้มีการแถลงข่าวการจัดงาน “เทศกาลอาหารและของดีสมุทรสงครามและงานกาชาดจังหวัดสมุทรสงคราม” ประจำปี 2565 ขึ้นที่อาคารโดมวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามพร้อมมีกิจกรรมวันรวมน้ำใจให้กาชาด หลังจากแถลงข่าวเสร็จแล้ว จัดให้มีการประมูลทุเรียน 3 น้ำ พันธุ์หมอนทองทั้ง 10 ลูก ราคาเริ่มต้นลูกละ 2,000 บาท โดยจะมีการไลฟ์สดขายผ่านเพจนายกฤษขายทุกอย่างตั้งแต่เวลา 10.30 น.ด้วย

จึงขอเชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียน 3 น้ำของ จ.สมุทรสงคราม คือน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม ดินจึงมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผลไม้ของ จ.สมุทรสงคราม ไม่ว่าจะเป็นลิ้นจี่ ส้มโอ และทุเรียน รสชาติจึงดีกว่าที่อื่นๆ และยังได้ร่วมทำบุญกับสำนักงานเหล่ากาชาด จ.สมุทรสงคราม อีกด้วย โดยสามารถเข้าร่วมประมูลทุเรียน 3 น้ำได้ที่อาคารโดมวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ตั้งแต่เวลา 10.30 น.เป็นต้นไป จนกว่าจะประมูลทุเรียนหมด หรือจะประมูลผ่านเวบเพจ “นายกฤษขายทุกอย่าง” ก็ได้