นพ.รยู ยง-ชอล เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จัก ทั้งประวัติข้อมูล และวุฒิทางการแพทย์ของเขา กลายเป็นผู้ที่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะในการต่อสู้กับโรคระบาดของเกาหลีเหนือ คล้ายคลึงกับผู้ที่ทำหน้าที่เดียวกันอย่าง นพ.แอนโธนี เฟาซี ในสหรัฐ หรือ​ พญ.จอง อึน-คย็อง ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้

ตลอดระยะเวลานานกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือไม่มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 แม้แต่รายเดียว อย่างไรก็ตาม โลกภายนอกมองว่า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเก็บความลับตาธรรมเนียมเข้มงวด โดยภาครัฐ มากกว่าการยืนยันว่า ไม่มีเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่จริง

นับตั้งแต่การยืนยันการแพร่ระบาดครั้งแรก และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเริ่มเปลี่ยนการปฏิบัติ โดยมีแนวโน้มที่จะทำตามแนวทางของอีกหลายประเทศ ในการเผยแพร่ข้อมูลอย่างละเอียด และแนะนำประชาชนในการป้องกันตัวเอง

Reuters

นพ.รยู ทำงานให้กับสำนักงานใหญ่การป้องกันโรคระบาดในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับมือโรคโควิด-19 อีกทั้งหน่วยงานดังกล่าวจะมีการบรรยายสรุปทุกวันเหมือนหน่วยงานของเกาหลีใต้ ซึ่งรายงานโดย​ นพ.รยู แต่จะไม่มีการถามคำถามจากผู้สื่อข่าว

นพ.รยู แต่งกายในชุดสูทสีดำ และสวมแว่นตากรอบหนา ดูเป็นคนที่มีเหตุผลและพูดตรงประเด็น ซึ่งเป็นระดับคุณภาพที่แปลกในรายการโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และเป็นที่รู้จักกันถึงกิริยาท่าทางของผู้ประกาศข่าวที่เหมือนการแสดงละคร และการประจบประแจงเหล่าผู้บัญชาการทหาร

ถือเป็นกลยุทธ์แบบใหม่ของสื่อ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลของเกาหลีเหนือ ในการเปิดเผยเรื่องโควิด-19 โดยเป็นไปตามการผลักดันจากนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุด เพื่อสร้าง “สภาวะปกติ” โดยปรับปรุงความโปร่งใส และยอมรับข้อบกพร่องต่าง ๆ นายหยาง มู-จิน ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษา ในกรุงโซล กล่าว

“เขาสามารถส่งเสริมให้ผู้คนรายงานอาการ และร่วมกันพยายามเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้เช่นกัน ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนคือกุญแจสำคัญ” หยาง กล่าว “มันมีค่าโฆษณาชวนเชื่อบางอย่าง เมื่อตัวเลขค่อนข้างต่ำกว่าคนที่รายงานข่าวจากที่อื่น”

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้อีกคนหนึ่งกล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจเรียนรู้บทเรียนจากประเทศอื่น และกำลังเผยแพร่เรื่องจริงและตัวเลข โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะ “ระดมใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่” จากความฉุกเฉินของการระบาดที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หยาง บ่งชี้ถึงสิ่งที่ดูเหมือนกับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่าที่อื่นอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจ มีการตกหล่น เพื่อดักทางปัญหาทางการเมือง เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “การเผยยอดผู้เสียชีวิตอาจจำเป็นต้องใช้การพิจารณาทางการเมือง เนื่องจากการเสียชีวิตที่สูงขึ้น มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความกลัวและความขุ่นเคืองของประชาชน”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS