เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ภายในสำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการบริหารร่วม 4 สมาคม ซึ่งประกอบด้วยสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า รวม 14 คน นำโดย นายพัลลภ ฉาอินธุ นายกสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย
โดยนายพัลลภ กล่าวว่า ภายหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดของโควิด และมาตรการของ ศบค.ที่ออกมา เช่น การห้ามเข้าประเทศ การล็อกดาวน์ การทำเวิร์กฟรอมโฮม การปิดสถานบริการ ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารของผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย ลดลงไปเป็นจำนวนมาก รายได้ขาดหายไปมาก การระบาดระลอกนี้ทำให้รายได้หายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้เพิ่ม แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังมีอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นเงินส่งให้ครอบครัว ค่าเช่าบ้าน ค่าเช่ารถ หรือเงินชำระค่างวดรถฯ ดังนั้นคณะกรรมการบริหารร่วม 4 สมาคม ซึ่งประกอบด้วยสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า จึงมีมติในการขอความอนุเคราะห์ความช่วยเหลือจากนายกฯ
นายพัลลภ กล่าวต่อว่า 1.ขอให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย เข้าถึงมาตรการในการพักชำระหนี้ระยะเวลา 1 ปี ทุกสถาบันการเงิน รวมไปถึงไฟแนนซ์ลิสซิ่งเอกชนและสหกรณ์ฯ ตามที่มาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาบังคับใช้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้จริง 2.ขอให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท เมื่อลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 รวมทั้งผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่มีที่อยู่นอกเขต 13 จังหวัด โดยอ้างอิงฐานข้อมูลเพิ่มจากการรับเงินเยียวยาครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้รวมถึงผู้เช่าขับรถ แต่ในขณะนี้ได้คืนรถให้อู่หรือสหกรณ์ เพราะไม่มีผู้โดยสาร จึงมีความจำเป็นต้องนำรถมาจอดไว้ก่อนแล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ในขณะที่มีการล็อกดาวน์เพราะไม่สามารถหารายได้มาชำระค่างวดรถและค่าเช่าได้ แต่ยังคงเป็นผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยอยู่เช่นเดิม โดยพิจารณาจากฐานข้อมูลในการรับเงินเยียวยาในรอบที่ผ่านมา และ 3.ขอให้ตั้งคณะทำงาน เพื่อมาแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยให้ครบวงจร ก่อนที่ทางกลุ่มฯ จะแยกย้ายเดินทางกลับ.